เบื่อๆกับออฟฟิศที่มันจืดชืดในที่ทำงาน ก็หันมาตกแต่งออฟฟิศเล็กๆที่บ้านให้จิตใจกระชุ่มกระชวยซะหน่อย
หากคิดไอเดียไม่ออก วันนี้มีไอเดียมาฝากค่ะชีวิตปัจจุบันนี้ ที่มีแต่งานกับงานใช่มั้ยคะ บางคนทำงานในเวลางานที่บริษัทไม่เสร็จก็ต้องหอบงานกลับมาทำต่อที่บ้านอีก เด็กๆก็เช่นกันที่ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นพิเศษ พื้นที่สำหรับทำงานและทำการบ้านนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรจะมองข้ามมันไป ดังนั้นควรจะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้ได้มุมทำงานและมุมทำการบ้านของเด็กๆทีดี มาดูแต่ละข้อกันเลย
สถานที่ : Noble Gable Watcharapol
การจัดห้องทำงาน แต่ละคนก็มีเวิร์คสไตล์ (Workstyle) ที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นในการจัดห้องทำงานก็มีหลายๆแบบต่างกันไปค่ะ แต่ถ้าทำงานแบบไม่ใช้สมาธิมาก หรือสมาชิกในบ้านชอบมาทำงานด้วยกัน ก็จัดห้องทำงานขนาดใหญ่ โดยมีโต๊ะทำงานรองรับ อาจเป็นโต๊ะใหญ่นั่งรวมกันหรือโต๊ะแยก ห้องนั่งเล่นก็สามารถแบ่งเป็นบริเวณไว้ทำงานได้กรณีที่ไม่มีห้องเหลือ แต่ว่าถ้าชอบการนั่งทำงานคนเดียว ต้องการสมาธิมากๆ ก็แนะนำให้แยกห้องทำงานส่วนตัวไปเลยดีกว่า ซึ่งแบบนี้จะเหมาะกับผู้ใหญ่ที่ทำงานจริงจัง มีเอกสารและข้าวของเครื่องใช้เยอะ แต่ถ้าเป็นเด็กวัยเรียนก็อาจรวมโต๊ะทำงานไว้ในห้องนอนโดยจัดสรรส่วนนอนกับส่วนทำงานให้เรียบร้อย โดยอาจจัดโต๊ะให้หันหน้าเข้ากำแพง เพราะจะทำให้มีสมาธิมากขึ้นค่ะ
สถานที่ : Ardenลาดพร้าว71
เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น โต๊ะทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในห้องนี้เลยนะคะ โต๊ะทำงานตามปกติก็จะสูงประมาณ 0.75 ม.ค่ะ โดยความกว้าง x ความยาวอยู่ที่ประมาณ 0.60x1.20 เมตร อาจเป็นโต๊ะลอยตัวหรือถ้า Built-inก็ต้องเผื่อระยะต่างๆให้เหมาะสม ส่วนเก้าอี้ก็ควรเลือกที่นั่งสบายมีพนักพิงก็จะช่วยให้กระดูกสันหลังไม่ต้องรับน้ำหนักมาก ระยะความสูงระหว่างเบาะเก้าอี้และใต้โต๊ะควรมีระยะประมาณ 0.30 ม. เพื่อให้สามารถขยับขาได้สบาย ใต้โต๊ะก็ควรมีพื้นที่ที่ยืดขาได้ หรือที่เรียกว่า Leg Room นั่นแหละค่ะ นอกจากนี้อุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆในการทำงานเราก็ควรเก็บให้เรียบร้อย ควรทำตู้เก็บของหรือชั้นวางหนังสือให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ไม่มีของวางระเกะระกะบนโต๊ะสร้างความรำคาญใจในการทำงาน
แสงสว่าง เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในการตกแต่งห้องทำงาน เพราะเราต้องใช้สายตาทั้งการเขียนหนังสือ ทำงานคอมพิวเตอร์หรือการทำงานที่ต้องอาศัยความละเอียดมากๆ ซึ่งแสงสว่างในบริเวณทำงานถ้าได้แสงธรรมชาติ (Daylight) ก็จะช่วยให้ห้องดูโปร่ง สบายขึ้นทั้งยังประหยัดค่าไฟด้วย แต่มีสิ่งที่ต้องคำนึงคือการจัดที่นั่งทำงานให้สัมพันธ์กับทิศทางแสงด้วย เช่นถ้าเขียนมือขวาก็ให้แสงส่องทางซ้าย หรือการหันทิศทางของคอมพิวเตอร์ก็ต้องระวังแสงที่ส่องเข้าจอแล้วจะรบกวนการทำงาน อย่างไรก็ตามแสงธรรมชาติย่อมไม่เพียงพอต่อการทำงานแน่ โดยเฉพาะถ้าต้องทำงานกลางคืนด้วย คุณควรติดหลอดไฟโดยให้แสงเป็นค่อนข้างเป็นสีขาวเพราะจะเหมาะกับการทำงานที่สุด โดยให้ความสว่างโดยรวมในห้องประมาณ 500 ลักซ์ หรือ 750 ลักซ์สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดมาก เช่นงานฝีมือ เย็บปักถักร้อย
สถานที่ : Niyahm
สีสันในห้องทำงาน เมื่อได้การใช้งานเหมาะสมครบถ้วนแล้ว ก็ถึงเวลามาแต่งห้องให้สวยงามได้แล้วค่ะ การใช้สีสันเพื่อกระตุ้นการทำงาน เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลมากเลยค่ะ โดยอาจนำมาทาผนังบางส่วนหรือสำหรับคนที่ชอบห้องทำงานแบบเรียบๆ ขรึมๆ ก็อาจเล่นสีที่ข้าวของเครื่องใช้ที่เอามาวางตกแต่ง ชั้นวางของและชั้นหนังสือเป็นบริเวณที่เราน่าจะสร้างสรรค์ได้เต็มที่แถมยังปกปิดส่วนบกพร่องในห้องได้ด้วยเช่นการทำ Built-in ตู้ปิดเสาที่ยื่นออกมาจากผนัง เป็นต้น ถ้าคุณมีผนังว่างๆที่ไม่รู้จะตกแต่งอย่างไร ลองติดหน้านาฬิกาหน้าตาเก๋ๆหรือทำเป็นปฏิทินเดิ้นๆ มีบอร์ดจดกันลืมหรือเอาไว้ติดโพสต์-อิท นอกจากนี้ การนำต้นไม้กระถางมาวางในห้องก็ยังเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ห้องดูสดชื่นขึ้นได้ด้วยค่ะ
ห้องทำงานดีไซน์สวยๆ ย่อมทำให้สบายใจและมีความสุขในการทำงานใช่มั้ยคะ คราวหลังที่ต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน คงไม่มีการอิดออดไม่อยากทำงานแน่ ใครว่าที่อยู่อาศัยไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจของผู้อยู่เราขอเถียงเลย เผลอๆคราวหน้าคุณอาจคิดอะไรดีๆออกสำหรับการพรีเซนต์งานในห้องที่คุณออกแบบเองก็ได้ และถ้าหากท่านใดสนใจ ซื้อขายบ้าน โครงการบ้านใหม่ สามารถติดตามได้ที่นี้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีจาก : forfur.com ด้วยนะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น