วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สินเชื่อบ้านที่คนคิดจะกู้ซื้อขายบ้านต้องรู้ไว้

สินเชื่อบ้านที่คนคิดจะกู้ซื้อขายบ้านต้องรู้ไว้

blog รอบรู้เรื่องขายบ้าน โครงการบ้านใหม่ ขอขอบคุณภาพจาก thaihometown.com


โดยปกติทั่วไปแล้ว สินเชื่อบ้านนั้น ไม่ว่าจะกู้เพื่อซื้อโครงการบ้านใหม่หรือซื้อขายบ้าน ก็จะเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยค่ะ โดยจะมีที่อยู่อาศัยนั้นในการเป็นหลักประกันจำนองค่ะ จะให้แก่ผู้ให้กู้สินเชื่อบ้านนั้นๆ เพื่อเป็นสินเชื่อมีการประกันในประเภทที่มีหลักประกันที่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่สูญหาย หรือ เคลื่อนย้ายไม่ได้ และยังเป็นปัจจัยสำคัญในการที่เราจะดำรงชีวิตของผู้กู้ได้ ดังนั้นในสินเชื่อบ้านจึงมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่จะค่อนข้างต่ำ เมื่อเราเทียบกับบริการสินเชื่ออื่นๆแล้ว ที่ธนาคารหรือที่ผู้ให้กู้มีเสนอให้แก่ลูกค้ารายย่อยค่ะ

ทั้งนี้ จะสามารถแบ่งประเภทสินเชื่อบ้านออกตามเป็นลักษณะและวัตถุประสงค์ต่างๆ ในการขอสินเชื่อ ได้ดังนี้ค่ะ

ข้อ 1. สินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน หรือทาวน์เฮ้าส์ หรืออาคารพาณิชย์และอาคารชุดค่ะ

ข้อ 2. สินเชื่อเพื่อที่จะปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองค่ะ

ข้อ 3. สินเชื่อเพื่อที่จะปรับปรุง ต่อเติม หรือซ่อมแซม ที่อยู่อาศัยค่ะ

ข้อ 4. สินเชื่อเพื่อที่จะไถ่ถอนหนี้ ที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินที่อื่นๆ ค่ะ

วงเงินของการกู้ และระยะเวลากู้

โดยปกติทั่วไปแล้ววงเงินกู้ที่สถาบันการเงินจะให้กู้นันจะอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของราคาประเมินนั้นๆ หรือราคาซื้อขายนั้นๆ ซึ่งที่บางทีเรียกกันสั้นๆ กันว่า LTV (Loan to Value ratio) นั่นเองค่ะ แต่ในปัจจุบันนี้ ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้น สถาบันทางการเงินจึงทำข้อตกลงกับโครงการจัดสรรต่างๆ หรือโครงการที่ได้ธนาคารให้การสนับสนุนในทางด้านการเงิน ธนาคารส่วนใหญ่อาจจะให้วงเงินกู้สูงถึง 90-100 % ของราคาประเมินนั้นๆ หรือราคาซื้อขายนั้นๆ ส่วนระยะเวลาของการกู้ ธนาคารมักกำหนดให้ระยะเวลากู้นานสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 15-30 ปี (ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันค่ะ) แต่ธนาคารส่วนใหญ่ก็มักจะกำหนดให้ระยะเวลาของการกู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วจะต้องไม่เกิน 65-70 ปี ค่ะ เช่น ในกรณี อายุ 40 ปี จะกู้ได้สูงสุดถึง 30 ปี เป็นต้น และสำหรับผู้กู้ที่มีกำลังผ่อนในปัจจุบันในระยะเวลา 15 ปีนั้นๆ หรือ 20 ปี ถ้าหากคาดการณ์ว่าในอีก 2-3 ปี ข้างหน้าจะมีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่จะสูงขึ้นและจะทำให้มีปัญหาการผ่อนชำระได้ ก็อาจจะขยายระยะเวลากู้เป็น 25-30 ปี ก็เป็นได้เช่นกัน เพื่อเงินงวดที่ผ่อนต่อเดือนน้อยที่สุดนั้น เพราะในภายหลังถ้าเมื่อครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถชำระเงินงวดได้เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้เดิมได้เช่นกัน เช่นในกรณี เดิมผ่อนเดือนละ 8,000 บาท และก็อาจจะเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาท หรือมากกว่านั้นก็ได้ ซึ่งจะทำให้หนี้เงินกู้หมดเร็วยิ่งขึ้น

ระยะเวลาในการกู้

เมื่อผู้ซื้อบ้านได้คิดจะกู้เงินก็มักจะคิดตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่า แล้วจะกู้ในระยะเวลานานแค่ไหน ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วธนาคารจะให้กู้ตั้งแต่ 5-30 ปี ค่ะ ในการตัดสินใจตรงนี้จะขึ้นอยู่กับวว่างเงินกู้ ของผู้กู้และความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ในของผู้กู้ เพราะถ้าหากผู้กู้ต้องการวงเงินกู้ที่สูง แต่ความสามารถในการที่จะผ่อนชำระนั้นค่อนข้างต่ำ จึงจำเป็นต้องที่ะขยายเวลาออกไปให้ได้นานที่สุดเป็น 25-30 ปี ค่ะ เพื่อที่จะให้เงินงวดนั้นลดลงจนถึงจุดที่สามารถผ่อนชำระได้คะ เพราะในวงเงินกู้ที่เท่ากัน อัตราดอกเบี้ย ที่เท่ากัน ก็จะยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้น

ดังนั้นในเงินกู้ตามสัญญาที่เดิมที 25 ปี ก็อาจจะผ่อนหมดในเวลาที่สั้นลง เหลือเพียงประมาณ 10 ปีเท่านั้น แต่การจะกู้ได้นานสูงสุดกี่ปีนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ด้วยค่ะ โดยธนาคารส่วนใหญ่นั้นจะกำหนดว่า เมื่อรวมอายุของผู้กู้แล้วบวกกับระยะเวลากู้แล้วจะต้องไม่เกิน 60, 65 หรือ 70 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินนั้นจะกำหนด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดอายุของผู้กู้ไว้แล้วว่า เมื่อรวมกับระยะเวลากู้แล้ว ต้องไม่เกิน 70 ปี เพราะฉะนั้นถ้าผู้กู้นั้นอายุ 50 ปี ก็จะสามารถกู้ได้ยาวที่สุดเพียงแค่ 70-50 = 20 ปีเท่านั้นค่ะ แต่ก็จะกู้สั้นหรือยาวนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการที่จะผ่อนชำระหนี้ของผู้กู้เป็นหลักด้วย หากกู้ระยะเวลาสั้น ผู้กู้ก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมาก แต่ก็จะต้องจ่ายเงินงวดต่อเดือนสูง อย่างไรก็ตามถ้าหากผู้กู้มีรายได้น้อยในปีแรกๆนั้น หรือต้องการผ่อนสบายๆนั้น เมื่อมีรายได้มากขึ้นก็จะค่อยโปะภายหลังก็ได้เช่นกัน หรืออาจขอกู้ระยะเวลานานจะดีกว่าก็ได้ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เลือกเฟอร์นิเจอร์ อย่างไรให้เหมาะกับห้องและการใช้งาน

เลือกเฟอร์นิเจอร์ อย่างไรให้เหมาะกับห้องและการใช้งาน

ตื่นจากความฝันแล้วลุกมาทำอะไรสักอย่าง เช่น เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างไร เพื่อให้บ้านนั้นสวยและเหมาะกับการใช้งานของคุณ วันนี้เรามีฝากค่ะ นอกจากการอำนวยความสะดวกความสบายแล้ว เฟอร์นิเจอร์ยังสะท้อนสไตล์และรสนิยมตัวตนของผู้แต่งบ้านด้วย
สถานที่: เอ สเปซ มี สุขุมวิท 77
รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์นั้น จะช่วยเสริมสร้างสไตล์และช่วยให้การตกแต่งภายในบ้านดูสวย อีกทั้งหากมีพื้นที่เล็กๆแต่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์และพื้นที่ นอกจากการอำนวยความสะดวกสบายแล้ว เฟอร์นิเจอร์ยังสะท้อนสไตล์และรสนิยมของผู้แต่งบ้านด้วย การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มีเกณฑ์ประกอบการพิจารณาหลายอย่างทั้งขนาดพื้นที่ห้อง สไตล์การตกแต่ง และการใช้งาน ลองมาดู 3 ข้อที่เรานำมาฝากกันค่ะ
สถานที่ : H-CAPE RESIDENCE @ SIAMPARK

1.ขนาดพื้นที่ห้อง
สำหรับแบบบ้านที่มีขนาดใหญ่ แต่ละห้องพื้นที่เยอะ ก็ไม่ต้องคิดหนักเลยค่ะ ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้ตามความชอบใจ แต่ก็ต้องดูถึงความเหมาะสมของห้องด้วยนะคะ เช่น พื้นที่ของห้องรับแขกใหญ่มาก แต่เลือกโซฟาดันตัวเล็กนิดเดียว ก็ทำให้ดูไม่สง่า และไม่เหมาะสมกับประสิทธิภาพของพื้นที่ที่เรามีอยู่ แต่ถ้าพื้นที่ห้องเล็ก แคบ ก็ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ประหยัดพื้นที่ซักหน่อยค่ะ หรือถ้าเป็นไปได้ อาจทำบิ้วท์อินเพื่อการใช้งานที่มันครบถ้วน และดูเป็นที่เป็นทาง เช่นชั้นวางของในห้องนอนที่มีขนาดเล็ก ก็อาจจะบิ้วท์ตู้ลอยจากพื้นเพื่อไม่ให้ดูเกะกะมากนัก ดูภาพเพิ่มเติม  H-CAPE RESIDENCE @ SIAMPARK
สถานที่: The 66 Cottage

2.สไตล์การตกแต่ง
ส่วนนี้ต้องอาศัยการสังเกตและศึกษาสไตล์ต่างๆด้วยค่ะ อาจเปิดอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือ นิตยสารในสไตล์ต่างๆ มีลักษณะ รายละเอียดเป็นอย่างไร เช่น ถ้าชอบการตกแต่งภายในออกแนวสไตล์คันทรี่ๆหน่อย ก็ไม่ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นสเตนเลส หรือกระจก เพราะจะดูโมเดิร์นเกินไป หรือถ้าชอบการตกแต่งภายในสไตล์หวานๆ วินเทจๆ ก็ควรจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ในโทนสีพาสเทลสว่างๆเป็นเปอร์เซ็นต์มากกว่าโทนสีมืดมากหน่อยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ยังจะสามารถผสมผสานสไตล์ต่างๆกันได้บ้างค่ะ ตามแต่ความชอบและเซ้นส์ของแต่ละคน ดูภาพเพิ่มเติม The 66 Cottage
สถานที่: PAPAYA

3.การใช้งาน
เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ครบกับการใช้งานของห้องแต่ละห้องนั่นเองค่ะ ซึ่งแต่ละห้องควรจะมีเฟอร์นิเจอร์สำคัญๆ ดังนี้ค่ะ ดูเพิ่มเติม PAPAYA
สถานที่: Arden Ladprao 71

              - 3.1 ห้องรับแขก/ห้องนั่งเล่น...เฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือโซฟาและเก้าอี้ ลำดับแรกคือการเลือกขนาดให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง ถ้าห้องพื้นที่น้อย การใช้โซฟาแบบสองที่นั่งจะประหยัดพื้นที่และสะดวกต่อการนั่งสนทนาตั้งแต่ 2 คน อาจใช้เก้าอี้เสริมที่ยกเก็บได้ในเวลาที่แขกมาเยอะ โซฟาขนาดสามที่นั่งน่าจะเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่พอสมควร และต้องการการใช้งานเพื่อนอนชั่วคราวในบ้างครั้ง ส่วนการกำหนดความสูงเตี้ยของโซฟานั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจและรสนิยมของเจ้าของบ้านค่ะ ก่อนซื้อควรมีการทดลองนั่งก่อนนะคะว่าสบายถูกใจหรือไม่
โต๊ะ ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการใช้เสียก่อน เช่น หากเลือกเป็นโต๊ะอาหารนั้น ควรมีความสูงประมาณ 724 มม. และเก้าอี้ต้องมีความสูงรับกันพอดี ส่วนโต๊ะเตี้ยที่วางใกล้โซฟาหรือเก้าอี้นั้นจะต้องรู้ว่าจะใช้ทำอะไร เช่น วางโคมไฟ ที่เขี่ยบุหรี่ หรือวางถ้วยกาแฟ เป็นต้น แล้วเลือกให้มีความสูงที่เหมาะสม นอกจากนี้ ถ้าเลือกเก้าอี้ไม่มีเท้าแขน การเลือกโต๊ะที่มาเข้าคู่ อาจเตี้ยระดับเบาะรองนั่งได้ แต่ถ้ามีเท้าแขน โต๊ะก็ควรอยู่ต่ำกว่าเท้าแขนประมาณ 1-2 นิ้วเพื่อความสะดวกในการหยิบของ
หิ้งและชั้นเก็บของ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าว่าเราต้องใช้เก็บอะไรบ้าง และต้องเก็บมากเท่าไร และสามารถดัดแปลงให้เหมาะกับการใช้งานได้หรือไม่ อาจซื้อตู้เป็นแบบลอยตัวมาตั้งไว้ หรือบิ้วท์ตู้ให้ดูเรียบร้อยไปเลย ตามแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ
              - 3.2 ห้องรับประทานอาหาร...เป็นพื้นที่ที่สมาชิกในครอบครัวใช้งานกันพร้อมหน้าพร้อมตา เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จึงต้องจัดให้มีความเหมาะสมเพื่อรองรับทุกคนในบ้านได้ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือจำนวนที่นั่ง เพราะจะส่งผลถึงขนาดเก้าอี้และโต๊ะที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง สำหรับเก้าอี้ เมื่อเลือกขนาดได้แล้วควรทดลองนั่งดูก่อน ความสูงของเก้าอี้ควรจะพอเหมาะที่จะทานอาหารบนโต๊ะได้อย่างสะดวก มีพนักที่ไม่เอนมากเกินไป หากเก้าอี้เป็นคนละเซ็ตกับโต๊ะ ควรเช็คขนาดให้ดี เพื่อให้เก้าอี้สามารถสอดเก็บใต้โต๊ะได้
สำหรับโต๊ะ เมื่อเลือกขนาดแล้ว ก็มาถึงเรื่องวัสดุผิวหน้าของโต๊ะอาหาร ควรจะมีความคงทน ไม่ชำรุดง่าย และทำความสะอาดได้สะดวก เช่น พลาสติกหรือกระจก ซึ่งช่วยป้องกันการขีดข่วนได้ แต่ถ้าชอบไม้ ก็ต้องดูแลรักษามากกว่าแบบอื่น
              - 3.3 ห้องนอน... การจัดห้องนอนจึงขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของห้องเป็นสำคัญ แต่ก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย การเลือกเตียง ควรมีขนาดที่พอดี ถ้าห้องเล็กก็ต้องยอมลดขนาดเตียงให้เล็กลง เพื่อให้มีพื้นที่ในห้องเหลือพอที่จะใช้เป็นทางเดินและทำความสะอาดได้สะดวก แต่ทั้งนี้ก็ต้องสามารถนอนได้สบายอยู่ การเลือกเตียงแบบมีขาเป็นที่นิยมในสมัยนี้ เพราะทำให้ดูโปร่งโล่ง และทำความสะอาดได้ ไม่เก็บฝุ่น แต่บางคนชอบเตียงทึบ เพราะดูแข็งแรง ก็แล้วแต่ความนิยมค่ะ
ตู้เสื้อผ้ามีความกว้างที่นิยมคือ 60 เซนติเมตรและมีความสูง 180-200 เซนติเมตร ขนาดของตู้แต่ละช่วงก็ควรจะมีขนาดประมาณ 45-60 เซนติเมตร เพราะเป็นขนาดที่สามารถทำบานตู้ติดได้สัดส่วนพอดี ซึ่งบานตู้ควรจะมีขนาดเปิดได้กว้างมองเห็นภายในตู้ได้ทั้งหมด แต่ถ้าห้องนอนมีขนาดแคบควรใช้บานตู้แบบเลื่อน ตู้เสือ้ผ้าที่มีกระจกเงาติดที่บานตู้ ก็ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ ในกรณีที่พื้นที่ไม่พอที่จะวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือกระจกเต็มตัวต่างหาก นอกจากนี้ภายในตู้เสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชายก็ไม่เหมือนกัน เพราะมีเครื่องใช้แตกต่างกัน ผู้หญิงจะมีชุดเสื้อผ้าที่ยาวกว่าฉะนั้นที่แขวนเสื้อจะต้องสูงกว่าคือมีความสูงประมาณ 170-180 เซนติเมตร ส่วนตู้ของผู้ชาย อาจจะจัดเป็นสองช่วงคือ สำหรับแขวนเสื้อข้างบน และแขวนกางเกงข้างล่าง
              - 3.4 ห้องทำงาน...ถ้าเป็นการทำงานแบบจริงจัง และมีการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ควรเลือกโต๊ะที่มีที่วางแป้นพิมพ์แบบลิ้นชัก ส่วนเก้าอี้ ก็ควรเป็นเก้าอี้นั่งทำงานโดยเฉพาะเพื่อรองรับแผ่นหลังและสรีระ แต่ถ้านั่งทำงานแบบนั่งเขียน การเลือกชุดโต๊ะทำงาน ก็สามารถเลือกได้ยืดหยุ่นกว่า อาจเลือกแบบตามความชอบได้เลย นอกจากโต๊ะและเก้าอี้ ชั้นวางหนังสือก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญมาก ควรเลือกแบบที่มีโครงสร้างแข็งแรง เพราะต้องรองรับหนังสือปริมาณมาก ถ้ากลัวฝุ่นเยอะ ก็ควรเลือกตู้แบบมีบานปิดตู้ แต่ถ้าชอบแบบโปร่งๆโล่งๆ ก็เลือกชั้นที่ไม่มีแผ่นปิดด้านหลังตู้ อาจทำมาจากสเตนเลส เหล็กที่โครงสร้างสวยงาม ก็ทำให้ห้องทำงานดูทันสมัยดีนะคะ
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว รสนิยมของแต่ละท่าน อาจจะจับโน้นผสมนี้ จัดออกมาแล้วเอาเป็นว่าคนอยู่อาศัยในบ้านชอบละกันนะจ๊ะ เพราะว่าการออกแบบและตกแต่งบ้านนั้น มันมาจากข้างในจิตใจของผู้สร้างสรรค์งานคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : forfur.com
สนใจติดต่อ ซื้อขายบ้าน ติดตามได้ที่นี่ค่ะ

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขจัดเชื้อราในบ้านใหม่เหมือนโครงการบ้านใหม่

ขจัดเชื้อราในบ้านใหม่เหมือนโครงการบ้านใหม่


โครงการบ้านใหม่
ขอขอบคุณภาพจาก Mthai.com


หลังจากที่เราได้เผชิญกับภาวะน้ำท่วมมาหลายรอบ ในระยะนี้ จะดูเหมือนว่าสถานการณ์น้ำจะเริ่มคลี่คลายลงไปแล้ว แบบนี้แล้วใครหลาย ๆ คนก็คงจะพากันดีใจกันยกใหญ่ เพราะว่าในที่สุดก็ได้กลับไปอยู่ในบ้านของตัวเองสักที แต่ว่าอย่าสบายใจไปค่ะ เพราะไม่ว่าน้ำจะลดมากน้อยแค่ไหน หรือที่บ้านมีความเสียหายน้อยยังไง แต่สิ่งที่คุณ ๆ ต้องทำการจัดการกันแน่ ๆ หลังจากที่บ้านได้เผชิญกับภาวะน้ำท่วมมาบ่อย ก็คือกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหม็นอับ และรวมถึงเชื้อราที่ผุดขึ้นในบ้านนั่นเองค่ะ 

วันนี้ เราก็เลยจะขอรวบรวมวิธีกำจัดเชื้อราภายในบ้านมาฝากกัน เพื่อให้ผู้ที่เคยประสบอุทกภัยได้จัดการกับเหล่าเชื้อราที่นำมาซึ่งอันตรายและรวมถึงเชื้อโรคอย่างหมดจด และถูกวิธีกันค่ะ

ข้อ 1. เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นกับเหล่าวัสดุที่เป็นพื้นแข็ง ให้ใช้น้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำล้าง และขัดให้ด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกจนหมดจด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำและเช็ดหลาย ๆ รอบจนกว่าจะแน่ใจว่ามันสะอาด

ข้อ 2. วัสดุที่เป็นประเภทเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ กระดาษมัน พลาสติก กล่องจำพวกนี้ ให้ใช้สำลีชุบฟอร์มาลีนเช็ด แล้วจากนั้นตามด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด ต่อจากนั้นก็นำไปวางไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท และมีแสงแดดส่องได้ถึงเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยให้แห้ง

ข้อ 3. จำพวกพรม ฝ้า หรือที่นอน หาก ถ้ามีเชื้อราขึ้น ให้นำไปโยนทิ้งจะปลอดภัยที่สุดแล้วคะ เพราะวัสดุที่มีรูอย่างจำพวกพรม ฝ้า และที่นอนนี้ จะเป็นวัสดุที่ล้างเชื้อราออกได้ยากมากค่ะ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถล้างออกได้หมดจด 100% ซึ่งแน่นแนว่าถ้าหากยังดันทุรังใช้ต่อไป ความชื้นภายในห้องก็อาจจะทำให้เชื้อราลุกลามมากขึ้น อาจฟักตัวได้กว้างขึ้น และทำให้เกิดโรคและยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของผู้ที่อยู่อาศัยโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั้นแน่นอนว่ามันไม่คุ้มกันเลยล่ะค่ะ

ข้อ 4. อย่าทำการทาสีหรือแลคเกอร์ทับในบริเวณที่เกิดเชื้อราในทันทีค่ะ ให้ล้างออกให้สะอาดหมดจดเสียก่อน จากนั้นค่อยเริ่มทาสีหรือแลคเกอร์ได้ตามปกติ

ข้อ 5. ในกรณีที่เชื้อราผุดให้ได้เห็นในข้าวของเครื่องใช้จำพวกประเภทเครื่องหนัง ก็ให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดหลาย ๆ ครั้งค่ะ จนแน่ใจว่าสะอาดแล้ว จากนั้นจึงเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาดค่ะ น้ำส้มสายชูนั้นจะช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

ข้อ 6. เฟอร์นิเจอร์ หรือของจำพวกที่เป็นไม้เนื้ออ่อน ในโดยปกติวัสดุเหล่านี้นั้นจะเสี่ยงต่อการขึ้นราเมื่อมีความชื้นอยู่แล้วค่ะ ซึ่งมันจะไม่เป็นอะไรมากนักหากเรานำมาล้างทำความสะอาดภายใน 24-48 ชั่วโมงที่เราพบเชื้อ หรือเราเริ่มสังเกตเป็นดอกเป็นดวงขึ้นนั้น แต่ในกรณีที่น้ำท่วมแล้วเราต้องปล่อยบ้านไว้นานเป็นเดือน ๆเลยแนนอน จะขอแนะนำให้ทิ้งของเครื่องใช้ที่ที่ทำด้วยไม้เนื้ออ่อนเหล่านั้นไปเลย อย่าไปต้องเสียดาย เพราะอาจจะมีการฟักตัวเป็นเชื้อราที่อันตรายมากขึ้นได้ก็ได้ค่ะ

ข้อ 7. ย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ที่เริ่มมีราขึ้นหลังจากที่ทำความสะอาดแล้วค่ะ ไปอยู่ในที่ที่อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก หรืออาจที่แสงแดดส่องถึงสักระยะหนึ่งก็ได้ คือประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วก็หมั่นคอยตรวจสอบว่า ในหลังจากทำความสะอาดแล้วยังมีเชื้อราขึ้นอยู่ตรงไหนอีกหรือไม่ หากไม่มีก็แสดงว่าเราสามารถแน่ใจแล้วว่าเราได้ทำความสะอาดเชื้อรานั้นออกไปได้อย่าง หมดจดแล้วจริง ๆ แต่ถ้าหากยังพบร่องรอยของเชื้อราอยู่ ขอให้นำมาทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง เพราะมันจะลามได้ง่ายมากค่ะถ้าหากวันหนึ่งอากาศชื้นอีกครั้งนึ่ง

ถ้าอยากให้บ้านยังใหม่เหมื่อพึ่งซื้อจากโครงการบ้านใหม่ละก็  เราก็ควรทำให้ครบตามที่ได้บอกไปเลยนะคะ และยิ่งถ้าใครต้องการขายบ้านแล้วละก็ ยิ่งต้องทำเลยละคะ เพราะจะทำให้บ้าของเราเหมือนโครงการบ้านใหม่และยังสามารถขายบ้านได้อีกด้วย

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คุณภาพบ้านของเมืองไทย จะเดินหน้าต่อไปแบบไม่มีหยุดยั้ง

“บ้านคุณภาพ” เมืองไทย เดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง


ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปกี่ยุคกี่สมัย “บ้าน” ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และไม่ว่าไลฟ์สไตล์ของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด การสร้างครอบครัว การตอบแทนพระคุณพ่อแม่ หรือจะเป็นการสร้างหน้าตาทางสังคมนั้น ทุกอย่างจะสามารถลงตัวได้ที่คำว่า “บ้าน” เห็นเช่นนั้นแล้ว การมองหาซื้อขายบ้าน เพื่อครอบครองสักหนึ่งหลังจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิต จึงต้องคิดไตร่ตรองมองหาสิ่งที่ดีที่สุด บ้านคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณได้อย่างแท้จริง และนี่คือ เหตุผลของการก้าวเดินไปข้างหน้าของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็น “บ้านคุณภาพ” ที่คนไทยสร้าง ส่งต่อสู่คนไทย ได้มีที่อยู่อาศัยอย่างมาตรฐานและภูมิใจอย่างแท้จริง

TerraBKK ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การมองหา บ้านคุณภาพ ที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าจะเป็นคุณภาพบ้านที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ มีการพัฒนาต่อยอดและการออกแบบผลิตภัณฑ์สู่สิ่งที่ดีขึ้นเสมอ เช่น พัฒนานวัตกรรมสิ่งใหม่ พัฒนาการออกแบบให้มีประโยชน์ใช้สอย ตั้งอยู่ในทำเลดีสามารถเดินทางสะดวก มีความน่ารักความเป็นชุมชนร่วมกัน รายละเอียดดังนี้


ความเชื่อมั่นของลูกค้า
ความเชื่อมั่นในของลูกค้า เป็นเสียงสะท้อนได้อย่างดีที่สุดของความหมายในคำว่า บ้านคุณภาพ แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ที่ดีที่มีร่วมกัน สร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีภายในจิตใจของลูกค้าได้ พื้นฐานมนุษย์เรามักมีความเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น จับต้องสัมผัสได้ หากเป็นบ้านที่สามารถเข้าไปเห็นได้ เข้าไปสัมผัสได้ ย่อมสร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า

ตัวอย่างเช่น “บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย” ของแบรนด์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่นำเสนอลูกค้าด้วยสภาพบ้านจริง เห็นสภาพแวดล้อมของโครงการจริง สามารถที่สัมผัส คุณภาพบ้าน และโครงการได้ นอกจากประโยชน์ของลูกค้าแล้ว ฝั่งแลนด์แอนด์เฮ้าส์ก็เชื่อว่าจะเป็นการควบคุมต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้าน คุณภาพบ้าน และสภาพโครงการบ้านใหม่ได้อย่างดี มีความได้เปรียบ ด้านการกำหนดราคาขาย เนื่องจากทราบต้นทุนที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงก่อนการขาย ราคาขายจึงสอดคล้องกับภาวะของตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานั้นได้ดีด้วย

 การันตีความเป็น คุณภาพบ้าน ของแบรนด์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ด้วยรางวัล Platinum Award Trusted Brand 2013 จากการวัดความพึงพอใจของผู้บริโภคสาขาอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งเดียวในเอเชีย โดยนิตยสาร Reader’s Digest




นวัตกรรมการก่อสร้าง
 การคิดค้นวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ สะท้อนได้ถึงความใส่ใจ ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนา เพื่อก้าวหน้าไปสู่การเป็น คุณภาพบ้าน ตรงตามพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้

ตัวอย่างเช่น “คิด สร้างสรรค์คุณค่า” หรือ “Create Value” ของแบรนด์ พฤกษา ที่มีการวิจัยบ้านนวัตกรรมเพื่ออนาคต เช่น “บ้านแข็งแรงปลอดภัย” โดยคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปทนต่อแรงแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ ระยะเวลาการก่อสร้างลดลง “บ้านที่ใส่ใจสุขภาพ” โดยห้องน้ำสำเร็จรูปออกแบบการใช้งานที่คำนึงถึงผู้สูงอายุ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นเชื้อรา “บ้านลดพลังงาน” โดยระบบฝ้าสำเร็จรูป และผนังคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป ที่เป็นฉนวนกันความร้อนจากภายนอกได้ เป็นต้น

การันตีความเป็น คุณภาพบ้าน ของแบรนด์ พฤกษา ด้วยรางวัล Silver Award จากงาน Thailand Lean Award 2014 จากผลงานดีเด่นด้านการจัดการแบบ Lean มุ่งมั่นปรับปรุงคุณภาพ ต้นทุน และความเร็วของสินค้าอย่างเป็นระบบ โดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)




ดีไซน์การออกแบบ
การดีไซน์ออกแบบบ้าน นอกจากจะเป็นการสร้างเอกลักษณ์ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่แสดงออกถึงความสวยงาม ความทันสมัยแล้ว สิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันความเป็น บ้านคุณภาพ ได้ นั้นคือ การออกแบบบ้านที่หลุดออกจากกรอบเดิม เล็งเห็นถึงประโยชน์การใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สร้างประสบการณ์ใหม่ สร้างมุมมองใหม่แก่ผู้อยู่อาศัยได้

ตัวอย่างเช่น “บ้านดีไซน์ L-Shape” ของแบรนด์ แสนสิริ ที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงบ้านจากเดิม ตั้งอยู่ตรงกลางที่ดิน มีพื้นที่ว่างเป็นทางเดินแคบๆ รอบบ้าน ซึ่งไม่ถูกใช้ประโยชน์มากนัก บ้านทรง L-Shape จึงตอบโจทย์การนำพื้นที่เหล่านั้นมารวมกันได้ขนาดใหญ่ขึ้น เกิดพื้นที่ใช้งานที่น่าสนใจกว่าเดิมนั้นเอง ต้องคิดตามดูผลตอบรับว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป

การันตีความใส่ใจในการออกแบบ ความเป็น คุณภาพบ้าน ของแบรนด์ แสนสิริ ด้วยรางวัล “The Highly Commended Award for Architecture Multiple Residence” จากการจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยที่มีความสวยงาม สะท้อนถึงรสนิยมในการอยู่อาศัยในระดับสากล โครงการ บ้านแสนคราม หัวหินในงาน Asia Pacific Property Awards 2014 โดย Asia Pacific Commercial Real Estate (APCRE) นิตยสารชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก




ทำเลที่ตั้ง
คุณภาพบ้าน เอพี ที่มาพร้อมความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้ง สะดวกในการเดินทางการใช้ชีวิตประจำวัน ย่อมเป็นคำตอบในใจที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนต้องการ ด้วยความเข้าใจร่วมกันที่ว่า ที่ดินเป็นของจำกัด และความเจริญของเมืองย่อมทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น รูปแบบที่อยู่อาศัยจึงไม่ถูกจำกัดเพียงบ้านแนวราบอย่างบ้านเดียวหรือทาวน์เฮ้าส์ เป็นเหตุผลให้คอมโดมิเนียมเป็นที่นิยมอย่างมากนั้นเอง

ตัวอย่างเช่น หลักการทำโครงการ คุณภาพบ้าน AP ที่เน้นย้ำทำในทำเลศักยภาพเป็นสำคัญ พื้นที่ชุมชนเมือง ศูนย์กลางทางธุรกิจ ใกล้ระบบขนส่งมวลชน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินทางในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย และ AP ก็ได้มองอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของกลุ่มผู้บริโภคในแต่ละไลฟ์สไตล์ด้วย

การันตีความเป็น คุณภาพบ้าน AP ด้วยรางวัล Best Housing Development (Bangkok) จากการออกแบบบ้านตามวิถีการใช้ชีวิตครอบครัวคนเมืองอย่างมีระดับ และโดดเด่นด้านโลเคชั่นใจกลางเมือง โครงการ Soul Ratchadaphisek 68 ในงาน Thailand Property Awards 2014





ชุมชนและสิ่งแวดล้อม
การอยู่อาศัยใน บ้านคุณภาพ ที่มีความเป็น ชุมชนร่วมกัน มีสิ่งแวดล้อมที่ดี จะนำพาซึ่งความสุขในการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง นอกจากจะเป็นบ้านทางทรัพย์สินภายนอกแล้ว ยังเป็นบ้านที่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นภายในจิตใจด้วย เหมือนภาษาฝรั่งที่ว่า Home มากกว่าคำว่า House

ตัวอย่างเช่น ชุมชนน่าอยู่ ของแบรนด์ LPN ที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขและสังคมที่ดี มีความอบอุ่น ปลอดภัย และรวมทั้งสร้างจิตสำนึกของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ รวมทั้ง GREEN Design Concept ที่มุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาโครงการสอดคล้องกับมาตรฐาน อาคารเขียว (Green Building) ของสหรัฐอเมริกา (LEED – The Leadership in Energy and Environmental Design)

การันตีความเป็น คุณภาพบ้าน ของแบรนด์ LPN ด้วยรางวัล “อาคารปลอดภัย อุ่นใจทั้งเมือง” ปี 2012 จากความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการความปลอดภัย โครงการลุมพินี เพลส รัชโยธิน และ โครงการลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา จากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร

ท้ายสุด หากมี Developer เมืองไทยสามารถทำโครงการได้แบบรวม 5 องค์ประกอบนี้เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ การร้องเรียนสคบ. หรือ คาบน้ำตาของผู้ซื้อบ้านที่พบเจอตามหน้า Webboard คงไม่มีให้เห็นอีกเป็นแน่


ขอขอบคุณข้อมูลเนื้อหาดีๆและรูปภาพจาก : TerraBKK.com

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หลักฐานที่เราจะต้องใช้ในการขอเลขที่บ้าน

หลักฐานที่เราจะต้องใช้ในการขอเลขที่บ้าน หรือทะเบียนโครงการบ้านใหม่ จะมีดังนี้


ภาพจาก baansanruk.blogspot.com


1 ใบรับแจ้งเกี่ยวกับบ้าน (ท.ร.9) ที่จะออกโดยผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนันท้องที่ที่บ้านที่ปลูกสร้างเสร็จตั้งอยู่คะ

2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคะ  และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ยื่นคำร้องพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับด้วยคะ จำนวน  1  ชุด

3 เอกสารสิทธิ์ในการแสดงการครอบครองที่ดินของบ้านที่ตนปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่คะ  เช่น โฉนดที่ดิน  , น.ส.3 ,ส.ป.ก เป็นต้นคะ ในกรณีสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่บนที่ดินของผู้อื่น  เราจะต้องมีหนังสือยินยอมเพื่อให้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินนั้นของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นประกอบด้วยคะ  โดยจะใช้เอกสารดังนี้
หนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างบ้าน  ในกรณีสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่บนที่ดินของผู้อื่น โดยแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคะ และสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นๆหรือผู้ที่มีชื่อร่วมกันในกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นๆทุกคนได้เลยคะ  โดยจะต้องลงลายมือชื่อพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกฉบับด้วยคะ  จำนวน  1 ชุด

หมายเหตุ  ในกรณีเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเสียชีวิตแล้ว  ก็จะแนบสำเนามรณบัตรและให้ผู้มีส่วนได้เสียในที่ในของเดิมนั้นๆทุกคน จะต้องมีหนังสือยินยอมให้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินโดยแนบของตน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน  และสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมที่จะรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับของผู้ทีมีส่วนได้เสียแต่ละคน  จำนวนคนละ  1 ชุด

ในกรณียื่นในนามบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด  ฯลฯนั้น ต้องมีหนังสือรับรองการจัดตั้ง  หรือเอาจเป็นการนำหนังสือรับรองโดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย  และนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามทุกคน  ในบ้านลงลายมือชื่อพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องเอกสารทุกฉบับคะ  จำนวน  1 ชุด

ภาพจาก baansanruk.blogspot.com


4 การขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร  หรือ  การขอหนังสือรับรองสิ่งปลูกสร้าง

5  หนังสือที่จะมอบอำนาจ  หรือ มอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินคะ  ในกรณีที่เราไม่สามารถมาติดต่อขอเลขที่บ้านด้วยตนเองได้ เราก็จะพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน  และนำสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจ หรือ ใบมอบหมายและผู้รับมอบอำนาจหรือมอบหมาย  รวมทั้งพยานบุคคล จำนวน 2 คน และลงลายมือชื่อ  หรืออาจเป็นลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือข้างขวาในหนังสือมอบอำนาจหรือมอบหมาย  พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องให้ครบถ้วนทุกฉบับคะ  จำนวน  1  ชุด

6  รูปถ่ายบ้านที่ปลูกสร้างเสร็จแล้วทั้ง 4 ด้าน จำมี ด้านหน้า – ด้านหลัง - ด้านข้างซ้าย - ด้านข้างขวา คะ แต่ในสถานที่ที่รับแจ้งบางแห่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้นะคะ

สนใจเรื่อง ขายบ้าน

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เลือกม่านผืนสวยอย่างไรให้บ้านมีเสน่ห์ลงตัว

เลือกม่านผืนสวยอย่างไรให้บ้านมีเสน่ห์ลงตัว

การตกแต่งบ้านด้วยผ้าม่านผืนสวยอาจจะมองข้ามกันไป เมื่อตอนที่คุณซื้อขายบ้านมามีเฟอร์นิเจอร์ต้องแบรนด์เนม...แชนเดอร์เลียร์ต้องแบรนด์นอก...พรมปูพื้นต้องแบรนด์ดัง แต่ผ้าม่านก็ความจำเป็นไม่ได้น้อยไปกว่าการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์สวยๆ เลย


นอกจากจะช่วยกรองแสงแดดได้ดีแล้ว ผ้าม่านผืนสวยยังช่วยเนรมิตบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนกังวลใจก็คือ ไม่รู้ว่าควรจะเลือกผ้าม่านแบบไหนให้เหมาะกับการตกแต่งบ้าน วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆมาฝากกันค่ะ

 ม่านจีบ ไม่ว่าน้านของคุณจะเป็นบ้านสไตล์ไหน ผ้าม่านชนิดนี้ก็ใช้ได้กับทุกลุคทุกดีไซน์ อีกทั้ง ยังใช้งานได้เป็นอย่างดี สามารถใส่คู่กับรางรูปตัวซี หรือรางแบบโชว์ได้เลย หรืออาจจะมีการติดตั้งเป็นม่าน 2 ชั้น ที่มีทั้งแบบม่านโปร่งแสงและแบบม่านทึบแสงก็ได้เช่นกัน ตัวม่านจะมีการจับจีบด้านบนโดยเว้นระยะห่างเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะชอบเนื้อผ้า สี หรือว่าจะเป็นลวดลายแบบไหนคุณก็สามารถเลือกได้ตามใจต้องการ
ม่านจีบสม็อก เป็นผ้าม่านที่สามารถนำไปใช้ตกแต่งบ้านได้หลากสไตล์ ทั้งยังช่วยทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ดีไซน์ของผ้าม่านจะเป็นแบบค่อนข้างกึ่งทางการ แต่ที่สำคัญราคาไม่แพง เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ห่วงคล้อง และหากยิ่งใช้คู่กับที่ดึงม่านไม้ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเปิด-ปิด ผ้าม่านได้ดียิ่งขึ้น

ม่านจีบถ้วย ถ้าหากใครที่ชอบความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ผ้าม่านดีไซน์เก๋แบบนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกับการนำมาเพิ่มดีเทลให้กับบ้าน โดยผ้าม่านชนิดนี้จะมาพร้อมกับการระบายผ้าที่มีการเย็บติดกับส่วนหัวจีบของผ้าม่าน นับเป็นทางเลือกใหม่ในการเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี


ม่านพับ เป็นผ้าม่านอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติของมันที่โดดเด่นหลายประการ ทั้งสามารถใช้งานง่ายเพียงดึงม่านขึ้นก็สามารถเปิดรับแสงแดดสว่างๆจากภายนอกได้ทันที โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดม่านทั้งหมด มีความแข็งแรง ทนทาน และยังช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานได้ดี เหมาะกับการแต่งบ้านในสไตล์โมเดิร์นที่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายสบายตา ส่วนใหญ่จะใช้ติดตั้งตามประตูหรือหน้าต่างบานเล็กๆ หรือที่ติดกันหลายบาน ตัวของม่านเป็นแบบพับซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ซึ่งจะใช้ผ้ามากกว่าผ้าม่านแบบที่แยกกลาง อีกทั้ง ยังสามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย

ม่านตาไก่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการตกแต่งบ้านที่ทันสมัย ไม่ตกเทรนด์  ซึ่งผ้าม่านชนิดนี้จะมีการเจาะรูที่หัวผ้าม่านไว้สำหรับใส่ห่วงตาไก่ เพื่อสอดเข้ากับรางผ้าม่านได้เลย สามารถติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก มีน้ำหนักเบา หากเลือกใช้ผ้าที่ค่อนข้างมีน้ำหนักก็จะช่วยทำให้ผ้าม่านพริ้วเป็นลอนสวยมากยิ่งขึ้น สามารถนำไปใช้ตกแต่งได้ทั้งบ้านและคอนโด

ม่านหลุยส์ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการมนต์เสน่ห์แห่งความโอ่อ่าอลังการ ผ้าม่านชนิดนี้ก็จะช่วยสร้างความสง่างามได้อย่างมีระดับมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะเพิ่มดีกรีความหรูหราให้ม่านหลุยส์ด้วยส่วนหัวที่เป็นรูปหยดน้ำที่มีเชิงเป็นชั้นๆ ปิดด้วยไทด์ซ้าย-ขวาอย่างลงตัว ซึ่งม่านแบบนี้มีข้อเสีย คือ ดูแลรักษายากและเกิดการสะสมของฝุ่นละอองได้ง่าย

ม่านคอกระเช้า หากคุณเป็นคนชอบความเรียบง่าย หรือชอบงานฝีมือหน่อย การติดตั้งด้วยผ้าม่านชนิดนี้ก็จะช่วยเสริมเพิ่มความน่ารักที่เป็นธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น เพราะม่านชนิดนี้คุณสามารถตัดเย็บเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ใดๆ ในการติดตั้งเลยนอกจากผ้าและราวผ้าม่าน อาจตกแต่งลูกเล่นเพิ่มเติมได้ด้วยการเย็บติดกระดุม หรือทำให้เป็นโบว์ผ้ามาผูกรัดผ้าม่านเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มอ่อนหวานได้ดี ทั้งนี้ ควรเลือกผ้าที่มีสีในโทนเดียวกันกับราวม่านและไม่มีลวดลายใดๆ มากนัก

มู่ลี่ การติดตั้งมู่ลี่ให้กับบ้านก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะสามารถปรับทิศทางของแสงได้ตามต้องการแล้ว มู่ลี่แบบต่างๆ ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้พื้นที่ภายในบ้าน ต่างฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Wooden Blinds โดดเด่นเรื่องความทนทานใช้งานง่าย เหมาะกับห้องที่ให้ความผ่อนคลาย ด้วยความที่เป็นไม้ จึงให้ความรู้สึกถึงคุณค่าแห่งธรรมชาติและดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น แต่หากเลือกใช้ Foam Wood Blinds ก็จะช่วยเพิ่มความทันสมัยและน่าหลงใหลให้กับบ้าน ส่วนใหญ่นิยมใช้กันในออฟฟิศ และบริเวณที่ไม่สามารถใช้ผ้าม่านได้ เช่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ เนื่องจากมีคุณสมบัติกันน้ำและกันรังสี UV ได้เป็นอย่างดี

ม่านม้วน หากการตกแต่งบ้านเป็นสไตล์เรียบง่ายที่แฝงไว้ด้วยความทันสมัย การเลือกใช้ผ้าม่านแบบม้วนก็ทำให้ดูสวยเข้ากันสุดๆ มากไปกว่านั้นยังสามารถป้องกันความร้อนและช่วยปรับแสงสว่างที่เข้ามาภายในบ้านได้เป็นอย่างดี การใช้งานก็แสนง่าย สามารถปรับความสูงได้ตามใจชอบ ใช้เนื้อที่ในการติดตั้งไม่มาก และสามารถทำความสะอาดง่าย อีกทั้งยังมีให้เลือกใช้งานหลากหลายทั้งแบบกันแสงแดด (แบล็คเอ้าท์ BLACKOUT) ที่เป็นม่านแบบชนิดทึบแสง ซึ่งจะกันแสงได้มากถึง 100% เหมาะสำหรับห้องที่ไม่ต้องการแสงมาก เช่น ห้องนอน โฮมเธียเตอร์ หรือห้องประชุมสัมมนา และชนิดกรองแสงแดด เหมาะกับการใช้ตกแต่งห้องที่ต้องการทั้งแสงสว่างและความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน

นอกจากการตกแต่งบ้านด้วยผ้าม่านผืนสวยแล้ว การประดับผ้าม่านด้วยของตกแต่งต่างๆ อย่างรางม่านประดับที่มีให้เลือกหลากดีไซน์ ทำให้สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง สายรวบม่านที่ช่วยเติมเต็มผ้าม่านให้ดูดีมีเสน่ห์ หรือหากชื่นชอบผ้าม่านแบบเปิดเป็นช่องสำหรับรับแสงสว่าง การทำตะขอเกี่ยวเชือกม่านที่ผนังข้างหน้าต่างก็จะช่วยทำให้ผ้าม่านเป็นโค้งสวยงาม รวมไปถึงการแต่งเติมเพิ่มดีเทลชายครุยให้ผ้าม่าน ก็ยิ่งทำให้ดูหรูหราอลังการ และบ่งบอกถึงความมีรสนิยมได้อย่างเหนือระดับ เพียงเท่านี้ผ้าม่านสวยๆ ก็พร้อมรังสรรค์บรรยากาศภายในบ้านให้โดดเด่นสวยงามอย่างลงตัว
การเลือกแบบผ้าม่านให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้บ้านดูสวยงามขึ้นแล้ว ยังช่วยเติมเต็มบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่ดูสบายตา และสัมผัสได้ถึงสุนทรียภาพแห่งการพักผ่อนในทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :  forfur.com

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อะไรบ้างที่ควรเช็คให้ดีก่อนขายโครงการบ้านใหม่ ??

       

อะไรบ้างที่ควรเช็คให้ดีก่อนขายโครงการบ้านใหม่ ??


      ปัจจุบันในตลาดการขายบ้านนั้นมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง เพราะเหตุนั้นถ้าคุณเป็นคนที่คิดจะขายบ้าน ไม่ควรมองข้ามสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเพิ่มมูลค่าให้บ้านของเรา และยังทำให้เราสามารถขายออกได้เร็วมากขึ้น โดยเราควรจะดูแลและบำรุงรักษาให้บ้านอยู่ในสภาพเหมือนกับโครงการบ้านใหม่นั้นเอง และนอกจากนี้เจ้าของบ้านบางรายอาจจะจำเป็นต้องจ้างบริษัทนายหน้ามาเพื่อเป็นผู้ช่วย ในการที่เราจะขายบ้าน แต่ก่อนที่จะนำบ้านของเราขายบ้านทอดสู่ตลาดพวกเขาจะต้องเข้ามาสำรวจสภาพบ้านของเราโดยทั่วเสียก่อน และอาจมีการให้ปรับปรุงบางจุดเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าบ้านเราให้มากขึ้นอย่างเช่น สิ่งที่จะต้องทำต่อไปนี้




ข้อที่ 1. ทำความสะอาดบ้าน
          ความสะอาดนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเราปล่อยให้บ้านรกร้าง หรือเต็มไปด้วยคราบสกปรกและของใช้วางระเกะระกะไปหมดละก็ ทำให้การขายนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้บ้านของเราดูไม่น่าอยู่แล้ว ยังทำให้บ้านดูแคบอีกด้วย และอาจเป็นเพิ่มภาระให้กับผู้ซื้อ ที่จะต้องทำการจัดการปรับปรุงสภาพบ้านใหม่ ดังนั้นแล้วจึงมีความจำเป็นอย่างมากเลยที่เจ้าของบ้านจะต้องจัดการข้าวของให้เรียบร้อย และทำการรักษาบ้านให้สะอาด โดยอาจจะจ้างคนให้มาทำความสะอาดครั้งใหญ่ หรือถ้าอยากประหยัดงบละก็ค่อย ๆ ลงมือทำด้วยตัวเองไปทีละนิดก็ได้เช่นกันคะ

ข้อที่ 2. จัดกลุ่มเฟอร์นิเจอร์
          เจ้าของบ้านหลาย ๆ คนคงคิดว่าการจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ชิดฝาผนังนั้น จะช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้ต่างๆ งานให้กับบ้าน และยังลวงตาให้บ้านดูกว้างขวางมากขึ้นอีก แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีนี้อาจจะใช้ไม่ผลนัก เพราะการที่เรานำเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านไปตั้งไว้ชิดกำแพงจะเหมือนไม่มีคนใช้งาน จะทำให้บ้านของเราดูร้าง ไม่มีชีวิตชีวา และไม่ดึงดูดที่จะทำให้ลูกค้าสนใจซื้อ เพราะฉะนั้นเราควรเปลี่ยนจากวิธีดังกล่าวเป็นการนำเฟอร์นิเจอร์ชนิดเดียวกันมาไว้รวมกัน หรือการใช้งานที่คล้ายคลึงกันมารวมไว้ในพื้นที่เดียวกันดีกว่า จะช่วยทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ไม่ร้างจนเกินไป และเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นยังพร้อมใช้งานอยู่ด้วยคะ

ข้อที่ 3. ใช้สีพื้นเรียบ ๆ
          ในการเลือกธีมสีให้กับบ้านนั้นควรเป็นสีพื้น ๆ เรียบ ๆ ที่ดูไม่ฉูดฉาดจนเกินไป อาจอย่างเช่น สีขาว สีเบจ สีครีม โดยสีที่กล่าวมานี้นอกจากจะช่วยให้บ้านดูสะอาดตาและพื้นที่กว้างขึ้นแล้ว ยังสะดวกในด้านการตกแต่งและทาสีใหม่ส่วนอื่น ๆอีกด้วย อย่างเช่น ขอบประตู กรอบหน้าต่าง ๆ หรือคานไม้บนเพดานควรใช้สีเข้มนั้นเอง เพื่อช่วยสร้างความโดดเด่นและดูน่าสนใจ โดยอย่าใช้สีฉูดฉาดมากเกินไปกับบ้านที่เราต้องการประกาศขาย เพราะเจ้าของใหม่จะนำไปปรับปรุงตกแต่งได้ยากกว่าเดิม จนไม่อยากซื้อเลยไปเลยก็ได้คะ

ข้อที่ 4. เพิ่มความสว่าง
          บ้านเราถ้าจะให้ดีควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ และต้องมีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี ฉะนั้นแล้วนอกจากการตรวจเช็กตำแหน่งของประตูและหน้าต่างแล้ว เรายังควรเช็กตำแหน่งของหลอดไฟด้วยเช่นกัน โดยตำแหน่งที่เหมาะสมและช่วยให้บ้านสว่างมากขึ้นก็คือ บริเวณมุมอับ รอบ ๆ ห้อง และกลางห้องนั้นเอง ในจุดดังกล่าวนั้นควรมีหลอดไฟที่ให้แสงสว่างทั่วถึงคะ

ข้อที่ 5. การตกแต่งผนัง
          บ้านของเรานั้นมักจะมีล่องรอยการ เจาะ ตอก หรือติดแปะของตกแต่งผนังของอุปกรณ์และของตกแต่งต่างๆ โดยเมื่อราเอาอุปกรณ์หรือของตกแต่งเหล่านั้นออกมาแล้วมักจะมีรอยตำหนิปรากฏอยู่ ในส่วนนี้นี่แหละที่จะทำให้ราคาบ้านลดลงไปมาก ดังนั้นก่อนที่เราจะประกาศขายควรตกแต่งผนังห้องของบ้านให้เหมือนเดิมเสียก่อน ทั้งรอยตะปู กาว น็อต เป็นต้น นอกจากเราอาจจะเปลี่ยนตำแหน่งของตกแต่งให้อยู่สูงขึ้น เพื่อดึงดูดสายตาและความสนใจให้ไปที่ภาพมากกว่ารอยตำหนิต่างๆ ที่บริเณหลังห้องของเรา หรือไม่อย่างนั้น ก็ตกแต่งจุดบกพร่องเหล่านั้นเสียใหม่ให้หมด ให้ไม่มีร่องรอยก็ได้เช่นกันคะ

ข้อที่ 6. เพิ่มสีเขียว
          การที่เราจะเพิ่มสีเขียวให้กับบ้านนั้นก็จะมีการปลูกต้นไม้ หรือตกแต่งบ้านด้วยต้นไม้ให้ผลดีกับการขายบ้านมาก ๆ ด้วย เพราะสีสันต่าง ๆ ของต้นไม้ที่เราปลูกนั้นเมื่อนำมาวางไว้ในบ้าน ช่วยให้ผู้ซื้อรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และใกล้ชิดกับบ้านมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ในการตกแต่งก็ไม่ต้องจำเป็นต้องใช้ดอกไม้ราคาแพงมากนั้น เพียงแค่นำดอกไม้ตามฤดูนั้นๆ ปักใส่แจกัน หรือไม่ก็นำไม้พุ่มเล็ก ๆ มาวางไว้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ถ้าหากสามารถตกแต่งให้สวนสวยได้ ก็จะช่วยดึงดูดผู้ที่จะซื้อได้มากขึ้น อย่างเช่น ลองปูหญ้าหรือปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาสักหน่อยก็ได้คะ

ข้อที่ 7. จัดห้องให้น่านอน
          ในส่วนของห้องนอนเราควรที่จะเลือกสีอ่อน ๆ เพื่อให้พอเหมาะกับการพักผ่อน หรือเราอาจจะใช้วิธีการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนแทนก็ได้ ก็อย่างเช่น พวกตู้เสื้อผ้า เตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ โดยเราควรเลือกแบบเรียบ ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีลวดลายมากนัก เพราะความชอบของลูกผู้ซื้อนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นเลือกแบบกลาง ๆ เอาไว้ก่อนจะดีกว่า นอกจากนี้ก็อย่าลืมใส่ใจกับการจัดวางและตกแต่งให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน จะได้ดูน่าอยู่และดึงดูดลูผู้ที่จะมาซื้อให้ตัดสินใจง่ายขึ้นนะคะ

ข้อที่ 8. ปรับปรุงให้เสร็จก่อนขาย
          ถ้าหากภายในบ้านมีบางจุดหรือสิ่งของที่อยู่ในช่วงทำเรากำลังปรับปรุง อย่างเช่น ต่อเติมห้อง ตกแต่งเพิ่มเติม เราควรดำเนินให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนประกาศขายคะ เพราะในช่วงการปรับปรุงคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูสำหรับผู้ซื้อสักเท่าไหร่นะคะ และที่สำคัญจะทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่า บ้านเก่ากว่าความเป็นจริงคะ รวมถึงส่งผลให้ขั้นตอนการซื้อขายเป็นไปได้ยาก และใช้เวลานานขึ้นคะ

ทางเว็บ รอบรู้เรื่องบ้าน,โครงการบ้านใหม่ ขอขอบคุณภาพประกอบจากภ istockphoto.com

หลักการเลือก ซื้อขายบ้านใหม่และที่ดินให้ไกลจากน้ำ (ท่วม)

วิธีการเลือก ซื้อขายบ้านใหม่และที่ดินไม่ให้ถูกน้ำท่วม

จากคำถามของหลายๆ คนที่บอกและได้ถามมาจะมีแผนการปลูกบ้านใหม่หรือ ซื้อขายบ้าน หลังใหม่หลังจากเกิดน้ำท่วม คงต้องไตร่ตรองและคิดและควรจะคิดให้หนักมากขึ้น เพราะคำถามหลายๆคำถามว่า จะ ซื้อบ้าน แถวไหนถึงจะรอดจากน้ำท่วม จะปลูกบ้านในย่านไหน และ บ้านสองชั้นจะมีโอกาสรอดจากน้ำท่วมหรือเปล่า หรืออาจจะต้องศึกษาข้อมูลด้านไหนส่วนไหนอะไรบ้างก่อนที่จะ ซื้อบ้าน จึงจะปลอดภัยจากน้ำท่วมที่อาจจะเกิดในอนาคตต่อไปได้ คำตอบนั้นง่ายเพียงนิดเดียว เมื่อผู้ซื้อเป็นห่วงว่า “น้ำ” จะท่วมบ้านคุณอีกหรือไม่ ก็ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับ “น้ำ” ที่เกี่ยวข้องกับบ้านและ ที่ดิน เป็นหลัก เป็นเรื่องปกติที่เวลาคุณจะเลือกซื้อหาบ้านจัดสรร โครงการบ้านเดี่ยว หรือเลือกซื้อ ที่ดิน ปลูกบ้านใหม่ ผู้ซื้อมักเลือกจากทำเลที่ตั้งว่าใกล้สถานที่สำคัญ หรือไม่ เช่น ที่ทำงาน โรงเรียนของลูก ศูนย์การค้า ตลาด ทางด่วน สนามบิน ฯลฯ ควบคู่ไปกับการเลือกจากข้อมูลรูปแบบบ้าน ราคา และชื่อเสียงของบริษัท เป็นต้น แต่หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 ประกอบกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับ “น้ำ” อยู่ตลอดเวลาจากสื่อมวลชนต่างๆ ถึงแม้ว่าบ้านสองชั้นจะมีโอกาสรอดจากน้ำท่วม แต่ก็ยังมีบ้านชั้นสองอีกมากที่คนในบ้านต้องอพยพย้ายหนีกันไปทั้งที่ระดับน้ำยังไม่สูงมากนักด้วยเหตุผลเรื่องน้ำของผู้อยู่อาศัยควรปรับปรุงแก้ไขอะไรเพื่อให้เรายังพอจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้อย่างไม่ลำบากในช่วงน้ำท่วมครั้งหน้า และที่สำคัญจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องขายบ้านทิ้งและอพยพหนีน้ำกันไปแบบถาวร

ด้วยเหตุนี้ “ผู้ซื้อ” หรือ “ผู้บริโภค” จะต้องศึกษาข้อมูลและทำการบ้านให้มากขึ้น ก่อนจะตัดสินใจตั้งหลักปักฐานให้กับตนเองและครอบครัวมีเรื่องอะไรกันบ้าง ดังนี้
 โซนแผนผังเมือง : โซนสีต่างๆ ที่ปรากฎในผังเมืองเป็นตัวบ่งชี้ว่าเมืองนั้นๆ ได้มีการกำหนดแนวทางการใช้พื้นที่ดินแต่ละเขตแบ่งออกเป็นอย่างไร มีการใช้งานในลักษณะใดบ้าง เช่น พาณิชยกรรม ที่อยู่อาศัย หรือจะเป็นพื้นที่ เกษตรกรรม หรือพื้นที่รับน้ำ(flood way)หรือไม่ หากใช่ควรจะอยู่ห่างๆจากโซนเหล่านี้ไว้จะดีกว่า

แนวคันกั้นน้ำ : ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีการวางตำแหน่งคันกั้นน้ำเพื่อบริหารจัดการน้ำตามพระราชดำริไว้ การเลือก ซื้อบ้าน หรือ ที่ดิน ที่อยู่ภายในแนวคันกั้นน้ำก็จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมได้ระดับหนึ่ง

ตำแหน่งของคู คลอง แหล่งน้ำธรรมชาติ : จากประสบการณ์น้ำท่วมในครั้งใหญ่ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่าน้ำจะเอ่อล้นจากเส้นทางน้ำธรรมชาติคือ คูคลอง ต่างๆ พร้อมกับค่อยๆ ผุดๆปุดๆ ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำตามถนนหนทางต่างๆ ดังนั้นบ้านเรือนริมน้ำที่หลายคนชอบไปอยู่เพราะ คิดว่ามีวิวทิวทัศน์สวยงามก็จะมีความเสี่ยงจากน้ำมากเช่นกัน

ความสูงต่ำของที่ดินหรือพื้นที่ตั้ง (Topography) : แต่ละพื้นที่ แต่ละภูมิประเทศจะมีระดับความสูงต่ำของที่ดินหรือที่ตั้งที่แตกตต่างกัน ทำให้เมื่อน้ำท่วมระดับน้ำในแต่ละพื้นที่จะมีความลึกต่างกันเหมือนกับระดับในสระว่ายน้ำ เห็นได้จากเวลามองที่ผิวน้ำ จะพบว่าผิวน้ำด้านบนมีความเรียบเสมอกัน แต่ก้นบ่อของสระว่ายน้ำจะมีระดับลึกหรือตื้นต่างกัน ดังนั้นหากเลือกที่ดินสำหรับปลูกบ้านในพื้นที่ที่มีระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลอ้างอิง หรือระดับถนนสาธารณะภายนอกหมู่บ้านของเราก็จะมีความเสี่ยงจากน้ำท่วมน้อยกว่า

เส้นทางน้ำไหล : เมื่อฝนตกลงบนผิวดิน น้ำจะซึมลงไปในดินและผิวดิน ส่วนที่เป็นน้ำบนผิวดินจะไหลลงสู่ที่ต่ำและไหลลงไปสู่แม่น้ำลำคลอง ที่เหลือจะซึมลงผิวดิน ดังนั้นการเลือกตำแหน่งในการปลูกสร้างบ้านเรือนด้องไม่ขวางทางที่น้ำไหลผ่าน เพราะแรงของน้ำนั้นมหาศาลสามารถทำให้ถนนขาดหรือบ้านถล่มได้ ดังนั้นในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือแม้แต่กรุงเทพฯ ก็ตามก่อนจะสร้างบ้านหรือซื้อที่ดินต้องลองสังเกตว่า เมื่อฝนตกลงมาแล้วเส้นทางการไหลของน้ำฝนหรือน้ำธรรมชาติอื่นๆ ไหลผ่านแนวที่ดินของเราหรือไม่ หากมีก็ควรจะหลีกเลี่ยง

มาตรการป้องกันน้ำท่วม : ข้อมูลนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ลูกค้าทุกคนควรสอบถามเพื่อความมั่นใจในอนาคตว่า หมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการที่ท่านสนใจมีการเตรียมการหรือมีแผนรองรับเหตุน้ำท่วมไว้อย่างไรบ้าง อาทิ การ จัดเตรียมพื้นที่หน่วงน้ำ การจัดทำเขื่อนหรือคันกั้นน้ำภายในโครงการ รูปแบบการระบายน้ำ ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อการอพยพหนีน้ำว่ามีหรือไม่ ฯลฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเสี่ยงจากน้ำท่วมในทำเลที่ตั้ง ว่ามีมากเพียงใด

ประเด็นเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคในฐานะผู้ที่คิดจะ ซื้อบ้าน หรือ ที่ดินใหม่เพื่อจะปลูกบ้านในอนาคต ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจและประเมินความเสี่ยงจากน้ำ (ท่วม) ได้ด้วยตนเอง เพื่อสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านและครอบครัว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของบริษัทบ้านจัดสรรและเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่จะต้องนำเสนอให้ลูกค้าพิจารณาประกอบการขายตั้งแต่แรกเพื่อแสดงถึงความจริงใจและอาจใช้เป็นแรงจูงใจทางการตลาดได้อีกด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : TerraBKK.com

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จะซื้อโครงการบ้านใหม่หรือรถก่อนดี!!

จะซื้อโครงการบ้านใหม่หรือรถก่อนดี!!


โครงการบ้าน ปี 2559

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ได้เชื่อว่าความฝันของคนส่วนใหญ่นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นอยู่ 2เรื่อง  คือไม่บ้านหรือโครงการบ้านใหม่  กับ รถ ที่เป็นปัจจัยสำคัญหลักๆในการดำรงชีวิตของคนยุคปัจจุบัน มันอาจจะดูร่ำรวยมากหากว่าบางคนสามารถที่จะซื้อได้ทั้ง 2 อย่างในเวลาพร้อมๆกัน แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราๆส่วนใหญ่คงไม่ร่ำรวยเพียงพอที่จะทำได้ขนาดนั้น เพราะว่ามนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำแบบแน่นอนนั้น ต้องใช้จ่ายเงินอย่างจำกัด ทำให้ต้องตัดใจเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น หลายท่านจึงเกิดข้อสงสัยในใจว่า! ถ้าหากจะเป็นหนี้ทั้งทีแล้วควรจะซื้ออะไรก่อนกันระหว่าง “บ้าน,โครงการบ้านใหม่” กับ “รถ”??

วันนี้เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ของเราเลยจะมาขอพูดถึงข้อแตกต่างระหว่างการซื้อบ้านโครงการบ้านใหม่กับรถอะไรก่อน

ข้อ1. ในความจำเป็นในชีวิตประจำวัน หากในอาชีพของท่านจำเป็นที่จะต้องใช้รถแล้วล่ะก็ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ “รถ” นั้นเป็นส่วนหนึ่งในการหารายได้ของท่าน เช่น เป็นเซลล์ที่จะต้องขับรถเดินทางไปหาลูกค้า อย่างประเด็นนี้รถย่อมจะมีความจำเป็นกว่าบ้านหรือโครงการบ้านใหม่อย่างแน่นอน หากแต่ว่าท่านไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องใช้รถ สามารถที่จะนั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้าBTS,MRTเดินทางไปทำงานได้ หากได้บ้านหรือโครงการบ้านใหม่ใกล้ที่ทำงานซักห้องก็จะช่วยให้ท่านประหยัดทั้งเวลาเดินทางและยังประหยัดเงินค่าเดินทางอีกด้วย อย่างเหตุการนี้นี้ก็ถือว่าบ้านหรือโครงการบ้านใหม่มีความจำเป็นมากกว่ารถค่ะ

ข้อ2. ราคาเมื่อท่านอยากจะขายต่อ การซื้อขายบ้านก็นับเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งนะค่ะ เพราะหากเมื่อเวลาผ่านไป ราคาขายบ้านมีแต่จะเพิ่มขึ้นๆทุกปี (ปล. ราคาขายบ้านจะขึ้นมากหรือจะขึ้นน้อยนั้นขึ้นอยู่กับทำเลของบ้าน) แต่การที่ท่านจะซื้อขายรถนั้นราคาขายของรถมีแต่ตกไปมากกว่าถึง 10-15% ต่อปีเลยทีเดียว หรือหากว่าเวลาผ่านไปเพียง 5 ปีเท่านั้น ราคาของรถจะตกลงเกินครึ่งนึงค่ะ และยังจะขึ้นอยู่กับสภาพของรถและยี่ห้อของรถด้วย และไม่มีทางขายรถต่อในราคาที่มากกว่าตอนซื้อรถมาอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น ยกเว้นเสียแต่ว่าเป็นรถโบราณหายากชนิดที่ว่าเข้าข่ายสินค้าอนุรักษ์นิยม (Antique) หรือว่ารถคลาสสิคของสะสมที่มีจำนวนจำกัดจึงจะมีราคาเพิ่มขึ้นได้เท่านันค่ะ

ข้อ3. ค่าใช้จ่ายรายทาง เมื่อท่านคิดจะซื้อบ้านหรือโครงการบ้านใหม่นั้น เงินค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นคงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของค่าธรรมเนียมต่างๆ ถ้าหากเป็นการซื้อรถนั้นล่ะก็ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็คือค่าน้ำมัน, ค่าประกันภัย, ค่าพรบ., ค่าต่อทะเบียนรถ แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่หนีไม่พ้นทั้ง 2 อย่างสิ่งนั้นคือ “เงินในส่วนค่าบำรุงรักษา” ซึ่งหากเป็นส่วนของรถนั้นมักจะเจอในส่วนค่าซ่อมบำรุงหรือต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแทบจะทุกปีค่ะเป็นจำนวนเงินประมาณหลักพันบาท และหากเป็นส่วนบ้านก็จะเจอในส่วนของค่าซ่อมครั้งใหญ่ในบางครั้งอาจนั้นเป็นเงินถึงหลักแสนบาท แต่ค่าซ่อมบ้านนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนักนานๆจะมีสักที อาจจะ 5-6 ปีครั้งหนึ่งค่ะ

ข้อ4. สินเชื่อ การกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือโครงการบ้านใหม่นั้นส่วนใหญ่มักเป็นการปล่อยกู้ระยะยาว 10 ปีขึ้นไปค่ะ ซึ่งอัดตราดอกเบี้ยในการกู้ซื้อบ้านนั้นค่อนข้างสูง ประมาณ 6-8% ต่อปีเลยค่ะ ทำให้ใครหลายๆคนส่วนมากกลัวการที่จะกู้เงินซื้อบ้านหรือโครงการบ้านใหม่ เพราะว่าต้องผ่อนเงินกันไปอย่างยาวนานค่ะ เงินที่ผ่อนไปส่วนใหญ่นั้นก็เป็นดอกเบี้ยทั้งนั้นเลย แต่หากว่าเป็นการซื้อรถแล้วล่ะก็ที่ระยะเวลาการผ่อนนั้นจะไม่เกิน 6 ปีค่ะ และดอกเบี้ยเพียง 2-3% ต่อปีเท่านั้นซึ่งน้อยกว่าบ้านเป็นเท่าตัวเลย

ข้อ5. วิธีการคิดอัตราดอกเบี้ย ในการกู้ซื้อบ้านหรือโครงการบ้านใหม่นั้นเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นและลดดอกไปเรื่อยๆค่ะ เช่น หากว่าโปะเกินจำนวนเงินที่ผ่อนไป เมื่อเงินต้นลดแล้ว จำนวนเงินที่เป็นส่วนของดอกเบี้ยก็จะลดตามไปด้วยค่ะ เพราะว่าดอกเบี้ยคิดตามยอดเงินต้นที่เหลืออยู่นั่นเอง ซึ่งอัตราจะลดลงไปตามลำดับจากการผ่อนชำระเงินทุกงวดไป แต่หากว่าเป็นการกู้เพื่อซื้อรถยนต์ล่ะก็ ที่จะเป็นการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดระยะเวลาของการกู้ ทำให้การโปะเงินนั้นไม่ได้มีผลใดๆให้ดอกเบี้ยลดลงตาม มีประโยชน์แค่เพียงช่วยให้ระยะเวลาของการผ่อนสั้นลงเท่านั้นเองค่ะ

ทางเว็บหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยประกอบการตัดสินใจได้อย่างรอบครอบและง่ายขึ้นค่ะ^^ส่วนตอนหน้าจะมีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเรื่องขายบ้านหรือโครงการบ้านใหม่สามารถติดตามได้ที่เว็บนี้เช่นเคยค่ะ...

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่เรียบเรียงข้อมูลจาก เว็บterrabkk

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วางแผนทางเงินก่อนการซื้อขายบ้านเดี่ยวใหม่

วางแผนทางเงินก่อนการซื้อขายบ้านเดี่ยวใหม่


ขายบ้านเดี่ยว



เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ได้เชื่อว่าความใฝ่ฝันเรื่องการอยากมี "บ้านเดี่ยวใหม่" เป็นของตนเองให้ได้ น่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักสำคัญของใครหลายคนส่วนใหญ่ แต่เพราะว่าราคาขายบ้านเดี่ยว โดยเฉพาะในปัจจุบันนั้นมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี จนแทบจะดับฝันของใครๆหลายคนลง แต่ถึงแม้อย่างไรก็ตาม บ้านนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกท่านหลายคนหวังจะครอบครองอยู่ เมื่อในเมื่อบ้านมีราคาซื้อขายที่สูงแบบนี้ แล้วล่ะก็ท่านที่อยากซื้อขายบ้านจะต้องทำอย่างไรนั้น เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่เลยจะมาแนะนำ ว่าท่านคงต้องมีการวางแผนทางด้านการเงินของตัวเองให้ดีแล้วศึกษาข้อมูลและขั้นตอนการซื้อขายบ้านเดี่ยวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งก็จะมีหลักการและคำแนะนำที่สามารถจะนำไปใช้ได้สำหรับทุกท่านเริ่มกันเลยค่ะ...

ข้อที่1.ราคาขายบ้านเดี่ยวหรือบ้านโครงการใหม่ที่จะซื้อไม่ควรเกินสองเท่าของจากรายได้ครอบครัว ถ้าหากเลือกได้นั้นใครๆ ก็คงที่จะอยากมีบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง ที่เพียงพอให้สำหรับสมาชิกภายในครอบครัวได้ใช้สอยอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการอยากให้ที่ตั้งของบ้านนั้นอยู่ในทำเลที่จะสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย และอยู่ใกล้กันกับสถานๆที่สำคัญๆ อย่างเช่นโรงพยาบาล ,ที่ทำงาน ,โรงเรียนของสมาชิกในครอบครัวของท่าน และยังรวมไปถึงระบบของการขนส่งมวลชนต่างๆด้วย แต่แน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้มีผลกันกับราคาซื้อขายบ้านในทำเลทองเหล่านี้นั้นย่อมจะมีราคาสูงลิบจนเกินกว่าจะเอื้อม ดังนั้นท่านคงต้องหันกับมาสำรวจเงินในกระเป๋าของตัวท่านเองและสมาชิกในครอบครัวของท่านดูใหม่ โดยการเลือกบ้านที่มีราคาไม่ควรเกิน 2 เท่าของรายได้ทั้งหมดรวมกันของครอบครัว เช่น ถ้าหากรายได้ของครอบครัวท่านต่อปีมีทั้งสิ้น 300,000 บาท ก็ควรที่จะเลือกซื้อบ้านในราคาที่ไม่ควรเกิน 600,000 บาทค่ะ

ข้อที่2.ต้องคิดสักนิดสำหรับเงินค่าผ่อนบ้านรายเดือน นอกจากราคาของบ้านที่จะต้องคำนึงถึงแล้วนั้น ผู้ที่จะซื้อบ้านควรจะคิดให้ยาวกว่านั้นอีกสักนิดถึงภาระการผ่อนเงินชำระบ้านรายเดือน โดยที่มีหลักการคิดคือว่า ภาระที่ต้องผ่อนค่าบ้านรายเดือนต้องไม่ควรเกิน 25-30 %เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ต่อเดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้สถานะทางการเงินของท่านตกอยู่ในสถานการณ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะเราเชื่อว่าหลายๆ  ท่านคงจะมีภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนนั้นมีประเภทอื่นอีกค่ะ..

ข้อที่3.ทำประวัติทาง (การเงิน) ของตัวท่านเองให้ดีใสสะอาด โดยปกติแล้วนั้นในการซื้อขายบ้านหรือบ้านโครงการใหม่ ทุกคนนั้นมักต้องกู้เงินผ่านธนาคาร ดังนั้นเรื่องของเครดิตในการขอเรื่องกู้แบงค์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากเวลาจะซื้อบ้านการดาวน์บ้านนั้นอย่างน้อยๆ จะต้องมีวางเงินดาวน์ล่วงหน้าถึง 10-20 % ราคาของบ้าน เพราะปกติแบงค์จะปล่อยกู้ให้กับเราแค่ 80-90 % ของราคาบ้านที่จะซื้อเท่านั้น นั่นก็เแปลได้ว่าที่เหลือผู้ซื้อบ้านนั้นจะต้องรับภาระจ่ายเงินเองค่ะ ซึ่งก็คงจะต้องใช้เงินเก็บส่วนตัวในส่วนนี้ ยิ่งถ้ามีเงินที่เก็บส่วนตัวสำหรับใช้วางเงินดาวน์ได้มากเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นการช่วยลดเงินดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องเสียแล้ว ยังจะส่งผลทำให้เครดิตด้านการเงินของคุณดูดีขึ้นด้วย เพราะว่าตอนธนาคารพิจารณาเงินปล่อยกู้ นอกเหนือจากจะพิจารณารายได้ต่อเดือนที่มีอย่างต่อเนื่องแล้วนั้นทางธนาคารยังจะพิจารณาประวัติทางด้านการเงินของคุณประกอบไปด้วยค่ะ ดังนั้นหากว่าคิดในอนาคตจะต้องไปกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคารอย่างแน่นอนแล้วล่ะก็ ท่านควรทำประวัติทางการเงินของตัวท่านเองให้ดีขาวสะอาด ไม่มีประวัติหนี้สินรุงรังนะค่ะ

ข้อที่4.ให้เลือกดอกเบี้ยที่โดน (ใจ) เวลาท่านตัดสินใจเลือกที่จะทำเรื่องกู้ยืมเงินซื้อขายบ้านเดี่ยวจากสถาบันทางการเงินใดนั้น ควรจะพิจารณาถึงเงินอัตราดอกเบี้ยของธนาคารนั้นๆด้วยค่ะ โดยเลือกดอกเบี้ยให้ตรงกันกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้สินของตัวท่านเองให้มากที่สุด เพราะว่าในปัจจุบันนั้นแต่ละธนาคารกันก็ต่างมีโปรโมชั่นเช่นกันในการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวกับที่พักอาศัยอย่างหลากหลายรูปแบบออกไป โดยเงินอัตราค่าดอกเบี้ยนั้นจะแบ่งเป็นแบบลอยตัวและคงที่ค่ะ ท่านจะเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบไหนก็ให้ดูตามสถานการณ์นั้นๆประกอบค่ะ ถ้าหากเป็นช่วงของดอกเบี้ยขาขึ้นควรจะเลือกดอกเบี้ยแบบคงที่ค่ะ แต่ว่าถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลงนั้น ท่านควรเลือกกู้เงินแบบดอกเบี้ยลอยตัวค่ะ และสำหรับผู้กู้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านนั้นยังนำไปลดหย่อนภาษีต่อปีได้อีกด้วยนะค่ะ

ซึ่งการตัดสินใจซื้อขายบ้านนั้นต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบ และระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลนั้นให้รอบด้านด้วย แล้วสำหรับท่านล่ะค่ะ!!พร้อมหรือยังสำหรับการจะตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่นำภาพมาจาก istockphoto
เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ นำข้อมูลมาจาก sanook

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บอกทำเลไหนขายบ้าน, โครงการบ้านใหม่, คอนโดได้ดี

บอกทำเลไหนขายบ้าน, โครงการบ้านใหม่, คอนโดได้ดี


โครงการบ้านใหม่




            ซึ่งในปัจจุบันการค้าขายอสังหาริมทรัพย์มีมากมายอย่างกับดอกเห็ดไม่ว่าจะเป็น การขายบ้าน ขายโครงการบ้านใหม่ ขายคอนโด วันนี้เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ ของเราจะมาบอกว่าทำเลที่ดินไหนที่ดีเผื่อที่ท่านจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าหรือเก็งกำไรได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจค่ะ


ทำเลไหนขายบ้านดี
ทำเลที่1. ย่านบางพลัด : อาคารชุด 1ถึง2 ล้านบาท ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 88% หรือเกือบหมดในระยะเวลา 1 เดือนที่เปิดขายบ้าน
ทำเลที่2. ย่านปทุมวัน : อาคารชุด 10-20 ล้านบาท ขายหมดไม่เกินระยะเวลา 2 เดือน
ทำเลที่3. ย่านเจ้าคุณทหาร : อาคารชุดไม่เกินระยะเวลา 1 ล้านบาท
ทำเลที่4. ย่านลาดพร้าว – มัยลาภ : ห้องชุด 1ถึง2 ล้านบาทและ 2ถึง3 ล้านบาท ขายหมดภายในระยะเวลา 3 เดือน
ทำเลที่5. ย่านประชาอุทิศ-ฝั่งธนบุรี : ตึกแถวราคา 5ถึง10 ล้านบาท
ทำเลที่6. ย่านวัชรพล-คู้บอน : ทาวน์เฮาส์ 2ถึง3 ล้านบาท คาดว่าขายหมดไม่เกินระยะเวลา 5ถึง6 เดือน

ทำเลไหนขายบ้านช้า
ทำเลที่1. ย่านบางนา-ตราด กม.30 : บ้านเดี่ยวราคา 5ถึง10 ล้านบาท
ทำเลที่2. ย่านไทรน้อย-สุพรรณบุรี : บ้านแฝด 3ถึง5 ล้านบาท
ทำเลที่3. ย่านมหาชัย : ทาวน์เฮาส์ 2ถึง3 ล้านบาท
ทำเลที่4. ย่านเทพลีลา-มหาดไทย : อาคารชุด 3ถึง5 ล้านบาท
ทำเลที่5. ย่านบางพลัด : อาคารชุด 5ถึง10 ล้านบาท

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ขอบคุณข้อมูลจาก dotproperty

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

15 ข้อทำไมถึงขายบ้านไม่ออกสักที (คนจะขายบ้านไม่ควรมองข้าม)

15 ข้อทำไมถึงขายบ้านไม่ออกสักที


ขายบ้าน

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ลองท่องเว็บจากกูเกิ้ลหาเช่าห้องพักดู เจอแต่คนอยากจะขายบ้าน อ่านกระทู้ในเว็บบอร์ดต่างๆก็เจอกระทู้ร้อนอกร้อนใจ ประกาศขายบ้านของตัวเอง แต่ทว่าขายไม่ออกสักที เงินเก็บที่มีก็เริ่มร่อยหรอ นั่นสิทำไมนะอยากจะขายบ้านแต่ขายไม่ออกสักที ทั้งๆ คนที่ต้องอยากซื้อบ้านนั้นมีมากมาย
อยากให้ท่านลองอ่านและทบทวนถึงสิ่งที่ เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ก่อนดีไหมค่ะว่า ท่านที่คิดอยากขายบ้านได้ทำสิ่งเหล่านี้ครบแล้วหรือยัง ถ้ายังควรเร่งทำอย่างด่วน เพราะหัวข้อเหล่านี้อาจทำให้ท่านขายบ้านได้ง่ายขึ้นค่ะ

ขายบ้าน

เทคนิคของการขายบ้าน

ข้อ1.ใช้แสงไฟช่วยสร้างอารมณ์ให้กับบ้าน ให้ท่านเปลี่ยนหลอดไฟที่ให้แสงสว่างในโทนสีขาวออกเสีย แล้วเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟที่ให้แสงสีเหลือง หรือว่าโทนสีแดงนิดๆ แทนค่ะ เพราะว่าหลอดไฟที่ให้แสงสว่างในโทนสีขาวนั้นถึงแม้จะแสดงถึงความรู้สึกอบอุ่นก็ตาม แต่ทว่ามันก็จะทำให้มองเห็นข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆภายในบ้านที่ซ่อนอยู่ไว้ได้เห็นอย่างชัดเจนค่ะ

ข้อ2.ทำความสะอาดหน้าต่างให้ดี การทำความสะอาดหน้าต่างบ้านจนใหม่เอี่ยมนั้น ถือว่าเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้บ้านดูสะอาดเรียบร้อยช่วยให้ห้องต่างๆดูสดใสขึ้นค่ะ

ข้อ3.ควรใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่านลองเปลี่ยนพวกฐานสวิตซ์ไฟ เต้ารับเสียบปลั๊กไฟ ที่มันอาจเกิดความสกปรกจากรอยนิ้วมือของเรา หรืออาจมีสีเหลืองเพราะผ่านการใช้งานมาอย่างเนิ่นนาน จัดการขัดทำความสะอาดพวกมือจับ หรือพวกเครื่องเงินต่างๆ รวมไปถึงการทำความสะอาดกระจก รอดขูดขีดต่างๆบนผนังด้วยค่ะ

ข้อ4.ทำบ้านให้มีบรรยากาศรู้สึกถึงการต้อนรับ ให้ท่านปูพรมเช็ดเท้าไว้ตรงหน้าประตูทางเข้าบ้าน หากมีผง ฝุ่น หรือคราบสกปรกต่างๆท่านควรจะทำความสะอาดมันเสีย.

ข้อ5.อย่าได้ลืมสนามข้างบ้าน สนามข้างบ้านนั้นถือว่าเป็นอีกจุดขายสำคัญของการขายบ้าน เพราะสนามข้างบ้านนั้นใช้เป็นได้ทั้งที่จัดกิจกรรมต่างๆ ท่านควรวางโต๊ะกาแฟและเก้าอี้ดีๆ สักตัว ก็จะช่วยเสริมบรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่ดีให้กับบ้านได้ค่ะ

โครงการบ้านใหม่


ข้อ6.ใช้สีอย่างสร้างสรรค์ การที่เพ้นท์สีห้องสองห้องติดกันให้มีสีเหมือนกันนั้นจะช่วยทำให้เห็นแบบแปลนห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วเวลาเลือกสีทาห้องควรจะเลือกสีเดียวกับผ้าแขวนค่ะ หรือว่าจะเลือกซื้อผ้าแขวนต่างๆ ในห้องให้เข้ากันกับสีผนังห้องก็จะเป็นการดี นอกจากนี้ท่านควรเลือกสีและแพทเทิร์นหรือพวกลายตกแต่งห้องนอนหลักกับห้องอาบน้ำควรให้เป็นสีเดียวกันค่ะ เพราะมันจะช่วยทำให้บ้านนั้นดูหรูขึ้นค่ะ

ข้อ7.แต่งเติมให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณใหม่เสีย จำไว้ว่าห้องที่โล่งๆนั้น แสดงให้เห็นถึงบ้านที่ดูไม่มีราคา ดังนั้นแล้วท่านอาจไม่ต้องถึงกับว่าต้องเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ แต่ให้ท่านจัดห้องรับแขกให้ดูสวยงามมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนปลอกหมอนให้เข้ากันกับผ้าปูโต๊ะ หรือผ้าบุเก้าอี้ค่ะ

ข้อ8.ทำของประดับในบ้านให้ดูเหมือนใหม่ ผนังบ้านไม่ใช่สิ่งเดียวที่ท่านจะทำให้มันดูเหมือนใหม่ด้วยการเพ้นท์ ประตูหน้าต่างโทนสีมอซอนั้นจะทำให้ห้องดูน่ารักน้อยลง ดังนั้นในการทาสีสิ่งของเหล่านี้ใหม่จะส่งผลทำให้ห้อง หรือบ้านของท่านดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อย่างเช่นการทาสีเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นโทนสีสว่างๆ จะช่วยในเรื่องขับสีให้ห้องและบ้านใหม่ขึ้นค่ะ

ข้อ9.ใช้กลิ่นในการเพิ่มบรรยากาศ แต่เดิมทีท่านอาจใช้กลิ่นของการปรุงอาหารช่วยทำให้บ้านมีบรรยากาศดูอบอุ่น น่าอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารที่จะใช้กลิ่นสังเคราะห์ประเภทกลิ่นกลิ่นลาเวนเดอร์ วนิลา เพิ่มบรรยากาศให้ในส่วนห้องนอนและห้องอาบน้ำ ก็จะช่วยให้ห้องและบ้านของท่านน่าอยู่ขึ้นส่งผลให้คนที่มาดูบ้านนั้นอยากซื้อ

ข้อ10.ทำให้ห้องดูมีขนาดใหญ่โตขึ้น การแขวนผ้าม่านเหนือกรอบหน้าต่างนั้นจะช่วยหลอกตาทำให้เพดาห้องดูสูง โปร่งขึ้น การที่ปูพรมที่มีลายทางนั้นจะทำให้ห้องดูเหมือนกับว่าขยายขนาดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ภายในห้องน้ำ ควรใช้ผ้าม่านแบบสีโทนสว่าง หรือแบบใสยังจะทำให้ห้องน้ำที่มีขนาดเล็กดูใหญ่ขึ้นด้วยค่ะ


ข้อ11.จัดการเก็บตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ ควรทำชั้นวางให้เหมาะสมกันทั้งชั้นวางแบบ DIY ไม้แขวนเสื้อ รวมไปถึงกล่องต่างๆ จัดการเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบทั้งแยกประเภท และสีด้วยค่ะ

ข้อ12.ควรปรับปรุงบริเวณซักผ้าเสียใหม่ ไม่ว่าท่านจะเตรียมห้องหรือมุมใดมุมหนึ่งของห้องใต้ดินไว้สำหรับเป็นพื้นที่สำหรับซักผ้ามันก็ดีทั้งนั้น ขอเพียงท่านมีที่เก็บตะกร้า ถังใส่ของให้เรียบร้อยก็เพียงพอแล้วค่ะ


ข้อ13.จัดโรงจอดรถให้เป็นระเบียบค่ะ ท่านควรมีชั้นวางจักรยาน รวมถึงพวกประเภทอุปกรณ์กีฬา นอกจากนั้นควรจะแบ่งมุมหนึ่งของโรงจอดรถไว้ให้เป็นสถานที่เวิร์คช็อป เพื่อแสดงให้ผู้ซื้อได้เห็นว่านอกจากการทำหน้าที่เป็นที่จอดรถแล้วนั้น โรงจอดรถยังจะมีประโยชน์อย่างอื่นด้วยค่ะ

ข้อ14.เตรียมการไว้สำหรับการสอดแนม ผู้ซื้อบ้านจะต้องเปิดดูตู้เย็นอย่างแน่นอน แอบดูตู้เก็บยา และทำกาตรวจเช็คใต้ซิงก์ล้างจานซิงก์ล้างหน้าของท่านแน่ๆ ดังนั้นเช็คให้ดีแน่นอนว่าพื้นที่ในบริเวณนั้นของท่านจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่

ข้อ15.เรื่องฮวงจุ้ยก็สำคัญนะค่ะ การเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ห้องหรือบ้านของท่านได้รับความสนใจจากผู้ซื้อด้วย ดังนั้นท่านควรหลีกเลี่ยงการตั้งเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำไว้เผชิญหน้ากับทางเข้าของบ้าน ปิดประตูห้องน้ำให้เรียบร้อย และไม่ควรวางสิ่งของจำพวกเตียง หรือโซฟาหันหน้าไปทางหน้าต่างเป็นต้นค่ะ

เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่เรียบเรียงข้อมูลจาก trulia
เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่นำภาพจาก istockphoto




วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โครงการบ้านใหม่ VS สร้างบ้านด้วยตัวเอง

โครงการบ้านใหม่  VS สร้างบ้านด้วยตัวเอง!!อะไรจะดีกว่ากัน


โครงการบ้านใหม่

เพราะว่าใครๆก็อยากที่จะได้บ้านที่สวย และคุ้มค่าที่สุดกับเงินที่เสียไป ซึ่งแต่ละคนนั้นก็มีคำนิยามคำว่า “บ้านที่ดี” แตกต่างกัน บางคนก็เน้นพื้นที่บ้านเยอะเข้าไว้ บางท่านก็ชอบบ้านที่มีห้องเยอะๆเอาไว้เก็บของได้เยอะๆ หลายท่านที่กำลังคิดจะซื้อบ้านคงมีคำถามในใจว่าจะซื้อบ้านจากโครงการบ้านใหม่จัดสรรดีหรือว่าซื้อที่ดินมาสร้างบ้านเอาเองดี? ทั้ง 2แบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ ปี 2559 จึงมาบอกข้อดีและข้อเสียของบ้านจากโครงการบ้านใหม่และบ้านที่สร้างเองให้ท่านได้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ

สร้างบ้านเอง
ข้อดี!
-สามารถที่จะควบคุมการออกแบบได้ คือข้อดีที่สุดของการสร้างบ้านเอง เพราะคุณจะได้ออกแบบบ้านตามใจชอบ อยากจะให้บ้านเป็นยังไงแบบไหนก็สั่งได้เลยค่ะ เพียงแต่ว่าคุณต้องมีผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษาด้วยเช่นกันนะค่ะ ไม่อย่างนั้นหากพลาดสร้างออกมาผิดรูปผิดแบบขึ้นมาจะเสียทั้งเวลาแก้กันนานเลยค่ะ
-เลือกทำเลเองได้ตามใจชอบ หากคิดว่าท่านอยากจะอยู่ใกล้ห้างหรืออยู่ใกล้สวนสาธารณะ ท่านก็เพียงไปหาที่ดินว่างเปล่าประกาศขายในบริเวณนั้นดูค่ะ นั่นก็เท่ากับว่าท่านสามารถเลือกสภาพแวดล้อมเองได้ตามที่ต้องการค่ะ
-เลือกเกรดของวัสดุได้เอง เลือกลักษณะแบบไหนได้ทั้งหมดด้วยตัวเองเลยค่ะ บางท่านอาจจะไปหาวัสดุที่นำเข้าลวดลายสีสันแปลกๆมาตกแต่ง เพื่อไม่อยากเหมือนใครก็ได้เช่นกันค่ะ
ข้อเสีย!
-ขั้นตอนต่างๆค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องควบคุมงานด้านก่อสร้างอยู่เป็นระยะค่ะ เพื่อจะได้มั่นใจว่ารูปแบบของบ้านได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ท่านจึงต้องมีเวลามาคอยดูงานอยู่บ่อยๆ  อีกทั้งการที่จะสร้างบ้านเองท่านควรจะมีความรู้หรือมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยดูแล เพื่อการก่อสร้างบ้านั้นเป็นไปตามมาตรฐานค่ะ
-สภาพแวดล้อมโดยรอบไม่ได้มาพร้อมเหมือนโครงการบ้านใหม่ ถึงแม้ว่าท่านจะสร้างบ้านเองแต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ท่านจะสร้างส่วนกลางหรือฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำขึ้นมาด้วยนะค่ะ เพราะการที่จะสร้างบ้านเองนั้นจะไม่มีส่วนกลางที่มากันกับพร้อมทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ  หรือห้องซาวน่า และระบบรักษาความปลอดภัยอย่างรปภ.และกล้อง CCTVค่ะ
-วางแผนควบคุมต้นทุนยาก อย่างที่ท่านรู้ๆกันอยู่ว่าการที่จะสร้างบ้านเองนั้นหรือแค่จะซ่อมแซมบ้านเป็นปัญหาใหญ่ขนาดไหน โดยเฉพาะเรื่องของการควบคุมเงินไม่ให้งบบานปลายแล้วล่ะก็ยิ่งทำได้ยาก บางครั้งอาจจะประมาณการณ์ผิด หรือว่าซื้อของจนไม่ได้คุมเงินต้นทุนตัวเอง ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเรื่อยๆค่ะ


ซื้อโครงการบ้านใหม่,บ้านจัดสรร
ข้อดีซื้อโครงการบ้านใหม่
-สภาพแวดล้อมต่างๆดีพร้อม จุดเด่นของการซื้อบ้านจากโครงการบ้านใหม่ คือ ส่วนกลางและสาธารณูปโภคต่างๆที่พร้อม ฟิตเนส สระว่ายน้ำ  บางโครงการบ้านจัดสรรนั้นให้เหมือนอยู่ในรีสอร์ทตากอากาศเลยค่ะ แต่ว่าการที่อยู่โครงการจัดสรรจะก็ต้องมีค่าบำรุงส่วนกลางด้วยเช่นกันนะค่ะ
-เพื่อนบ้านจะที่อยู่ในระดับเดียวกัน เพราะโครงการบ้านใหม่จัดสรรส่วนใหญ่มักจะคัดกรองผู้อยู่อาศัยด้วยระดับราคาของบ้านอยู่แล้ว เช่น โครงการบ้านใหม่ 10-15 ล้านบาท ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ถึงสูง จึงทำให้ท่านที่จะซื้อมั่นใจได้เลยว่าจะได้มีสังคมและเพื่อนบ้านที่ดีค่ะ
-ขอสินเชื่อกับธนาคารได้ง่ายกว่า เพราะโครงการบ้านใหม่มักจะมีการจัดโปรโมชันต่างๆร่วมกันกับธนาคารค่ะ เพื่อให้ผู้ที่จะซื้อได้ดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ต่ำลงเป็นพิเศษ หรือบางครั้งนั้นได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้นด้วยค่ะ

ข้อเสียของโครงการบ้านใหม่
-ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแบบได้ การซื้อบ้านจากโครงการบ้านใหม่ส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านที่มีการออกแบบเอาไว้แล้วค่ะ ทั้งรูปแบบและวัสดุต่างๆ ผู้ที่ซื้อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย นอกจากท่านจะตกแต่งเพิ่มเองในภายหลังค่ะ แต่ก็จะมีบางโครงการบ้านใหม่ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนวัสดุได้บ้างเล็กน้อยในระหว่างการก่อสร้างบ้าน แต่อาจจะส่งผลให้การก่อสร้างเกิดความล่าช้าออกไปได้ค่ะ
-ปัญหาของผู้ประกอบการ เป็นปัญหาที่มีกันมาเนิ่นนานทุกยุคสมัย จะเห็นได้จากข่าวต่างๆที่มีการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน และที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือปัญหาการก่อสร้างโครงการบ้านใหม่ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะผู้ซื้อเองนั้นไม่ได้เห็นทุกขั้นตอนในการก่อสร้างบ้าน ดังนั้นการซื้อบ้านจัดสรรโครงการบ้านใหม่จะต้องเลือกซื้อกับผู้ประกอบที่ได้รับการเชื่อถือมากพอนะค่ะ
-มีข้อจำกัดในการต่อเติมบ้าน ต้องยอมรับว่าบ้านจัดสรรโครงการบ้านใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่นั้นจะมีข้อห้ามในเรื่องการต่อเติมต่างๆ หรือการเสริมโครงการออกมาจากที่ให้ไว้ด้วย เพราะส่วนใหญ่แล้วจะถูกก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสท์ ซึ่งยากต่อการต่อเติมเพราะจะดึงโครงสร้างในส่วนอื่นๆให้ทรุดตามไปด้วยค่ะ

ซึ่งสุดท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแต่ละท่านว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่ากันขอให้โชคดีค่ะ
เว็บรอบรู้เรื่องขายบ้าน,โครงการบ้านใหม่ นำข้อมูลจาก terrabkk